วสท-สภาวิศวกร-ผอ.เขตห้วยขวาง ลงพื้นที่หาสาเหตุ ตรวจโครงสร้างอาคารทรุด พบนั่งร้านค้ำยันไม่แข็งแรงพอรับน้ำหนัก

วันที่ 13 ก.พ. 66 ที่ อาคารทรุดตัว ถ.กำแพงเพชร 7 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง นายสิริวัฒน์ ไชยชนะ อุปนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมด้วย นายเอนก ศิริพาณิชยกร ประธานคณะทำงานจัดการภัยพิบัติจัดการภัยพิบัติอาคารถล่มสภาวิศวกร นายไพฑูรย์ งามมุข ผู้อำนวยการเขตห้วยขวาง วิศวกรและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบโครงสร้างของตัวอาคารที่กำลังสร้าง ซึ่งมีความสูง 5 ชั้น

นายสิริวัฒน์ กล่าวภายหลังว่า จากการสอบถามผู้คุมงาน หรือผู้ที่อยู่ในโครงการ ให้การว่า อาจเกิดจากการเทคอนกรีต ที่มีการผสมตั้งแต่ช่วงเช้า จนถึงเย็น เลยทำให้เกิดการเกลี่ยปูนไม่ทัน และนั่งร้านที่ใช้ค้ำยันอาจไม่แข็งแรงพอในการรับน้ำหนัก จึงเกิดการพับหรือหักจนทำให้เพดานชั้นบนหล่นมากระแทกชั้นล่างเกิดการพังไปด้วย หลักๆน่าจะเกิดจากนั่งร้านที่ใช้ค้ำยัน และน้ำหนักที่มากเกินไป ส่วนเรื่องเสาบ้านยังไม่ 100% แต่ยังคงมีความแข็งแรง

ส่วนในการออกแบบถูกต้องหรือไม่ต้องตรวจสอบในภายหลังอีกครั้งและควรจะมีการตรวจสอบเชิงรุกในเรื่องของผลกระทบโครงสร้างที่พังลงมากับส่วนอาคารที่เหลือ ที่มีการสร้างในรูปแบบเดียวกันจะมีผล กระทบในภายหลังหรือไม่ เป็นความรับผิดชอบของวิศวกรที่เข้ามาตรวจสอบ

ขณะที่นายเอนก กล่าวว่า วิศวกรจะให้คำแนะนำกับสำนักการโยธา จะช่วยให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น ในหลายๆส่วน ในส่วนของการดำเนินการของวิศวกร ทางสภาจะเอาเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาในเรื่องจรรยาบรรณ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยของประชาชน และจะมีการลงโทษตามกระบวนการ เริ่มตั้งแต่ว่ากล่าวตักเตือน จนถึง การถอนใบอนุญาต จึงขอให้ประชาชนอย่าวิตกกังวล อย่างไรก็ตามเวลามีเหตุแบบนี้สามารถแจ้งมาที่สภาวิศวกร 1303 จะประสานให้กับเจ้าหน้าที่และภาคีเครือข่ายเข้ามาช่วยทำให้เกิดความปลอดภัย

ด้านนายไพฑูรย์ กล่าวว่า มาตรวจสถานที่เกิดเหตุในเรื่องมาตรการป้องกันอันตราย โดยขณะนี้ได้ทำการปิดกั้นพื้นที่บริเวณโดยรอบเป็นเวลา 1 เดือน หรือจนกว่าจะปรับปรุงเสร็จ เพื่อให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพราะสถานที่ไม่มีความปลอดภัยมีทั้งหลุมทั่วบริเวณก่อสร้าง และในตัวอาคารเอง หากไม่มีความปลอดภัยที่เพียงพอสำนักงานเขตจะประชุมกับสำนักการโยธา ไม่อนุญาตให้ก่อสร้างจนกว่าจะมีความปลอดภัย

ขณะเดียวกันยังไม่อนุญาตให้มีการก่อสร้างทั้งโครงการ หลังจากตรวจสอบเสร็จแล้วหากมีความปลอดภัยจริงจึงจะอนุญาตให้ทำการสร้างต่อได้ ส่วนเรื่องการดำเนินคดี ต้องรอตำรวจทำการสอบสวน ว่าเกิดจากความประมาทของส่วนบุคคลหรือจากสภาพที่ไม่ปลอดภัย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน