หนุ่มเปิดใจเข็ดแล้ว ซื้อบริการทางเพศ เจอถูกสาวหลอก ทำติดคุก มีปัญหาครอบครัว สุดท้ายอัยการไม่สั่งฟ้องคดี ได้รับความเป็นธรรม
เมื่อวันที่ 27 พ.ย.66 ที่ศาลอาญา ตลิ่งชัน นายวทัญญู วิริยะชโยทัย พร้อมด้วย ทนายสุรเชษฐ์ เสี่ยงตรง ทนายความส่วนตัว ให้สัมภาษณ์กับ ข่าวสดออนไลน์ หลังจากถูกน้องแพร เด็กเอนสาวสวยแบล็กเมล์อ้างว่าถูกข่มขืนและข่มขู่ทำร้ายร่างกาย จนเรื่องถึงศาล บทสรุปอัยการไม่สั่งฟ้อง เพราะหลักฐานไม่เพียงพอ โดยเรื่องราวดังกล่าว สร้างความเสียหายอย่างมาก
นายวทัญญู กล่าวว่า ตนรู้จักน้องแพรผ่านโมเดลลิ่ง ซึ่งตนต้องการจ้างเด็กเอนมา เพื่อเอนเตอร์เทนภายในงาน โดยหลักฐานจากแชทไลน์ก็ระบุชัดเจน โมเดลลิ่งได้ติดต่อน้องแพรไปและแจ้งรายละเอียดของการทำงานคือ เอนเตอร์เทนอย่างเดียว 4,000 บาท และถ้างานวีหรือที่รู้กันในวงในว่าเป็นการเอนเตอร์เทนพร้อมกับมีเพศสัมพันธ์ด้วย จะราคา 8,000 บาท ซึ่งตัวของน้องแพรก็คอนเฟิร์มงานเรียบร้อยดี
ระหว่างในงานก็มีการเอนเตอร์เทนกันตามปกติ ซึ่งตนยอมรับว่าสนใจน้องแพร จึงขอมีเพศสัมพันธ์ด้วย และน้องเองก็ยินยอม จึงไมาพบกันที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ก่อนจะมีเพศสัมพันธ์กัน จากนั้นมีภาพแชทปรากฏชัดเจนว่า น้องแพรทักไปหาโมเดิลลิ่ง เพื่อขอค่างาน โดยน้องได้บอกกับโมเดลลิ่วว่าเป็นงานวี และน้องก็รับรู้ทุกอย่าง หลังจากวันนั้นผ่านไปก็มีการติดต่อกัน โดยตนได้จ่ายหนี้รายวันให้น้องแพร 120,000 บาท แลกกับเวลาที่ตนเดินทางมากรุงเทพ น้องแพรจะต้องมาดูแล ซึ่งน้องก็ยินดี
“กระทั่งเราจัดการเคลียร์เรื่องหนี้สินให้จบแล้ว น้องแพรก็ไม่ทำตามข้อตกลง เวลาจะให้มาหาก็อ้างว่าอยู่กับแฟน อยู่กับพ่อแฟน ยอมรับว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้มีการข่มขู่จริง และถ่ายรูปผู้หญิงตอนนุ่งกระโจมอกอยู่ เพราะถ่ายป้องกันเอาไว้ เผื่อฝ่ายหญิงเบี้ยวข้อตกลง จะส่งรูปนี้ให้แฟนดู จนฝ่ายหญิงตัดสินใจไปบอกแฟน และแฟนก็พาไปแจ้งความว่าถูกข่มขืน ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่ เพราะน้องแพรยินดีที่จะรับงานวีเอง“
ส่วนประเด็นเรื่องพกปืน ต้องขอชี้แจงว่าเมื่อปี 65 ตนเพิ่งไปทำร้ายร่างกาย จึงจำเป็นต้องพกปืนติดตัวไว้ตลอด และขณะมีเพศสัมพันธ์ ตนก็เอาปืนไว้บนหัวเตียงพร้อมกับทรัพย์สินของตัวเอง จึงไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องนำปืนมาข่มขู่ แต่ยอมรับว่าตอนที่รับงานเอน ได้ให้เด็กเอนทุกคนเก็บโทรศัพท์ เพราะไม่ต้องการที่จะให้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น หรือป้องกันการถ่ายรูปภายในงาน อย่างไรก็ตามปืนทั้งหมด 4 กระบอกที่ตนมี เป็นปืนที่มีใบอนุญาตเป็นชื่อของตนเอง ถูกต้องตามกฎหมาย
หลังจากนั้นตนก็ถูกจับและอยู่ในเรือนจำกว่า 3 เดือน ก่อนที่ทนายความจะขอประกันตัวออกมาเพื่อสู้คดี ซึ่งหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น ยอมรับว่าเข็ดกับการซื้อผู้หญิงบริการ เพราะทำให้ตนมีปัญหากับครอบครัวและผลเสียอื่นๆ ตามมา จึงอยากฝากบอกคนที่ซื้อบริการว่าให้ระมัดระวังว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกับตน
ส่วนที่ฝ่ายหญิงอ้างว่า ตนรู้จักกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.นั้น ไม่เป็นความจริง ตนไม่เคยแอบอ้างว่าเป็นลูกน้องของ รองผบ.ตร.เลย ที่มีภาพปรากฏออกมา เนื่องจากตอนนั้นคนรู้จักของตนไปร้องขอความเป็นธรรมกับท่าน เท่านั้น
ด้านทนายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนได้รับการประสานจากครอบครัวของลูกความว่าให้มาทำคดีนี้ ซึ่งในช่วงเวลานั้น ลูกความถูกหมายจับ โดยศาลอาญาตลิ่งชัน เป็นคนออกหมายจับ ตนก็ไปเยี่ยมที่เรือนจำ ตนได้แกะข้อมูลจากบันทึกฝากขัง คือ บันทึกที่ตำรวจทำคำร้อง ฝากขังและกล่าวถึงพฤติการณ์ของคดี โดยฝ่ายหญิงอ้างว่า วันที่ 28 มี.ค.2566 ฝ่ายหญิงบอกว่ารู้จักกับลูกความของตน ซึ่งก็ตรงกับข้อเท็จจริงหลักฐานที่อยู่ในแชทไลน์ที่รับงานผ่านโมเดลลิ่ง
นอกจากนี้ยังกล่าวอ้างว่าถูกข่มขู่ให้ไปงานเช็งเม้ง ก็มีหลักฐานปรากฏออกมาชัดเจนว่า ตอนที่ไปงานฝ่ายหญิงไม่ได้มีท่าทีถูกข่มขืน ซึ่งตนก็ไปดูหลักฐานแล้วปรากฏว่าย้อนแย้งกันชัดเจน โดยภายในงานฝ่ายหญิงก็ยิ้มร่าเริงชัดเจน ซึ่งผิดวิสัย ตนจึงทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรม พร้อมกับแนบหลักฐานทุกประเด็น เพื่อให้อัยการสอบเพิ่มเติม และอัยการก็ให้ความเมตตา สั่งให้พนักงานสอบสวน สน.บวรมงคล สอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นที่ร้องขอ และเรียกพยานหลักฐาน พยานบุคคลมาสอบเพิ่มเติมด้วย จนท้ายที่สุดอัยการก็มีคำสั่งไม่ฟ้อง แต่คดียังไม่ถึงที่สุด ตอนนี้อยู่ในระหว่างเสนอผบ.ตร. ถ้ามีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ก็ถือว่าจบไปแต่ถ้าหากมีความเห็นแย้ง ก็ต้องให้อัยการสูงสุดชี้ขาด