คณะกรรมการจัดการแข่งขันของสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟซี) เปิดเผยการประชุมที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ว่า รายการชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในปี 2020 โดยทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวจัดครั้งล่าสุดที่จีนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา อุซเบกิสถานคว้าแชมป์ไปครอง ปัจจุบันรายการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เมื่อถูกจัดให้เป็นการคัดเลือกหาทีมตัวแทนทวีปเอเชียไปแข่งโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่โตเกียว

สำหรับญี่ปุ่นได้สิทธิ์เข้ารอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติ ในฐานะเจ้าภาพโอลิมปิก 2020 ขณะที่ชาติอื่นๆ จากเอเอฟซีจะต้องแข่งขันกันเพื่อหาอีก 3 ทีมตัวแทนของทวีปไปเล่นโอลิมปิก

“บิ๊กอ๊อด”พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลไทย กล่าวว่า “นี่คือวิสัยทัศน์ของสมาคมที่มีนโยบายต้องการให้ไทยได้เป็นเจ้าภาพรายการสำคัญ เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการจัดงานของเรา และเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยให้รู้จักในระดับนานาชาติมากขึ้น ผมขอขอบคุณเอเอฟซี ที่เชื่อมั่นในศักยภาพของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และไว้วางใจให้จัดการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ระดับทวีปเช่นนี้”

ด้านนายพาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ และโฆษกสมาคมฯ กล่าวว่า “เราภูมิใจมากที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพ อย่างน้อยการเตรียมแผนงาน และข้อมูลทุกๆ ด้าน ของฝ่ายจัดการแข่งขันสมาคมกับฝ่ายต่างประเทศที่ร่วมมือกันเป็นทีมงานยื่นเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ และนำเสนองาน ทำให้เอเอฟซีได้ทราบว่า เราเป็นแคนดิเดตที่จะสามารถเป็นเจ้าภาพรายการระดับทีมชาติที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของทวีปรองจากเอเชียนคัพ”

“โดยในทุกๆ 4 ปี จะวนมาถึงช่วงที่เป็นการคัดเลือกไปโอลิมปิก ซึ่งตรงนี้เป็นความสำคัญที่เพิ่มขึ้นมา และหลายชาติต้องการเป็นเจ้าภาพ เพราะข้อดีคือคุณได้เป็นทีมวางในสาย ดังนั้นโอกาสที่จะเข้าสู่รอบต่อไปมีเพิ่มขึ้น”

“ข้อดีอันดับสองคือการได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องเล่นรอบคัดเลือก แต่ถึงแม้ว่าจะได้สิทธิ์เข้าไปเล่นรอบสุดท้ายทันที แต่ทางสมาคมและฝ่ายเทคนิคได้ตอบรับเอเอฟซีในการเล่นรอบคัดเลือกด้วย ไม่ว่าจะจัดที่ไหน เพราะเราไม่สามารถรอไปถึง 1 ปี โดยไม่มีแมตช์สำคัญไม่ได้”

“ขอขอบคุณผู้ที่มีส่วนร่วม และเอเอฟซีที่ให้โอกาสตรงนี้ เชื่อว่าการได้เล่นในบ้านจะเป็นผลดีกับทีมชาติไทยครับ” พาทิศ ศุภะพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน