จริงหรือบอลไทย สวยแต่รูป จูบเริ่มไม่หอม??
อาศัยพื้นที่ตรงนี้กราบสวัสดีปีใหม่แฟน หนังสือพิมพ์ แฟนเพจเฟซบุ๊กข่าวสด ที่เคารพรักทุกท่าน สิ่งใดที่หวัง ปรารถนา และเป็นสิ่งดีขอให้ได้รับถ้วนหน้า สิ่งใดไม่ดีขอให้พ้นผ่านอย่าได้พบพานให้ขุ่นข้องหมองใจในปีใหม่ที่กำลังจะมา ถึง
กลับมาที่วงการฟุตบอลไทยตลอดทั้งปีที่ผ่าน มามีเรื่องราวมากมายให้ย้อนรำลึกถึง แต่คงไม่ย้ำลงไปอีกครั้งว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แค่ขอแสดงความเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นว่ามาจากอะไร แต่ทั้งหมด ทั้งมวลใช่ว่า ผู้เขียนจะสาธยายความทุกเรื่องราวว่าเป็นเรื่องจริง เพียงแค่นำเสนอในส่วนที่คิดและมองเห็น
อย่างที่ทราบฟุตบอลไทยลีก ซีซั่นที่เพิ่งปิดฉากลงไป การแข่งขันเข้มข้น เพราะตามมติสภากรรมการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ รวมถึงสโมสรสมาชิกเห็นพ้องให้ลดทีมจาก 18 เหลือ 16 ดังนั้น จะมีทีมตกชั้น 5 สโมสร การแก่งแย่ง ทุ่มเทเงินทองคว้านักเตะฝีเท้าเยี่ยมเข้าสู่ทีมประเด็นแรกคือการอยู่รอด ส่วนทีมทุนน้อยต้องทำได้เท่าที่ทำ
บทสรุปออกมาแล้วทีมตกชั้นประกอบด้วย แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล, อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด, โปลิศ เทโร เอฟซี, ราชนาวี และบางกอกกลาส เอฟซี หลายคนคงไม่เชื่อว่า บางกอกกลาส คือทีมตกชั้น ทั้งที่ทุ่มเงินมากมาย กว้าน นักเตะระดับทีมชาติมาประดับจะร่วงตกชั้น ปัญหาคืออะไรเป็นไปได้หรือผู้เล่นที่นับตั้งแต่ประตูยันกองหน้าที่สามารถ เป็นตัวจริงของทุกทีมบนลีกสูงสุดจะตกชั้น
สามารถว่าประมาทได้หรือไม่ ? จากอะไรบ้างละ นักเตะคิดว่าเพื่อนร่วมทีมเก่งแล้ว ไม่มีทางที่จะตกชั้น ประมาทที่ผู้บริหารไว้ใจกับการทุ่มกำลังเงินซื้อนักเตะเก่งเข้าร่วมทีมแล้ว จะรอดไม่มองการจัดการทีมที่ดีพอ ประมาทที่เป็นทีมใหญ่ใครจะสู้ได้ สุดท้ายอย่างที่เห็นทีมที่เทเงินหลายร้อยล้านบาทต้องเล่นลีกล่าง
ขณะที่ฟุตบอลถ้วยต้องยอมรับว่า “กว่างโซ้งมหาภัย” สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ภายใต้การนำของ อเล็กซานเดอร์ กามา ทำสิ่งที่ใครไม่คาดคิดเพราะกวาดทุกแชมป์ฟุตบอลถ้วยมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมกับได้สิทธิ์เล่นฟุตบอลถ้วยระดับทวีปอย่างเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก เป็นสมัยที่สองติดต่อกัน
มองย้อนขึ้นไปทีมลุ้นแชมป์มีเพียงทีมเดียว ที่ต่อกรกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้สูสีคือ แบงค็อก ยูไนเต็ด ขณะที่คู่ปรับอย่าง เมืองทองฯ ยูไนเต็ด หรือเสี่ยใหญ่อย่าง การท่าเรือ เอฟซี ไม่สามารถทำให้เมืองปราสาทหินสั่นคลอนได้เลย ทำได้แค่เพียงสะกิดให้รู้ว่าฉันมาแล้วนะ แล้วค่อยๆ หายไปเอง
คงไม่ต้องยกยอแชมป์อะไรมากมาย แค่ลองย้อนกลับมาดูภาพรวม เหตุใด เมืองทอง ถึงยอมปล่อยตัวหลักอย่าง กวินทร์ ธรรมสัจนานันท์, ธีรศิลป์ แดงดา, ธีราทร บุญมาทัน รวมถึง ชนาธิป สรงกระสินธ์ นักเตะเหล่านี้เป็นเบอร์หนึ่งทีมชาติไทย แต่ทีมยอมปล่อยโดยให้ความเห็นว่าเพื่อโอกาสที่ดีกว่าของนักบอลไทยสู่เวที ใหญ่กว่า
ลองกลับมาคิดแค่บนพื้นฐานความสำเร็จผู้เล่น ที่ถูกปล่อยพูดได้เต็มปากว่าว่าแทบจะบันดาลทุกอย่างให้ทีม แล้วทำไมปล่อยตัว? เรามีคำตอบ นั่นคือความนิยมฟุตบอลไทยลดลงน่าใจหาย ลูกหนังอาชีพแดนสยามมีแฟนบอลเข้าชมลดลงไม่น่าเชื่อว่ามีเพียง 3 สโมสรที่มีค่าเฉลี่ยแฟนบอลเข้าชมต่อเกมในบ้านทั้งฤดูกาลเกิน 5,000 คน 5,000 ที่นั่ง ถึง 15 ทีม จุดนี้สะท้อนอะไรบ้าง ลองเก็บไปไตร่ตรองดู
ข้ามฟากมาที่ฟุตบอลระดับชาติ เมื่อกลางปี 2018 ไทยเข้าร่วมเอเชียนเกมส์ 2018 และขอย้อนความหน่อยว่าครั้งที่แล้วเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ แต่สุดท้ายแพ้ในการชิงเหรียญทองแดง แต่ครั้งนี้คงไม่คุยเยอะ เพราะอย่างที่ทราบไทยตกรอบแรกท่ามกลางการก่นว่าจากแฟนบอลอย่างต่อเนื่อง เป็นเหตุให้ “โค้ชโย่ง”วรวุธ ศรีมะฆะ กุนซือทีมเยาวชนต้องยอมเปิดหมวกลาทีม
ตามติดด้วยชุดใหญ่ในชิงแชมป์อาเซียน “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018” คนทั้งชาติต้องการเห็น “ช้างศึก” คว้าแชมป์ แม้ไร้ดาวดังที่ค้าแข้งต่างแดนอย่าง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, ธีรศิลป์ แดงดา, ธีราทร บุญมาทัน และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะแฟนเชื่อว่าด้วยศักยภาพที่ดีกว่าเพื่อนบ้านย่านอาเซียน คงไม่เป็นปัญหา แต่สุดท้ายทำได้แค่รอบรองชนะเลิศ
ทุกอย่างนี้สะท้อนว่าทั้งฟุตบอลลีก ทั้งทีมชาติ สามารถตอบคำถามแฟนบอลได้หรือไม่ ว่า สุดท้ายแล้วสิ่งที่ทุกคนยืนยันว่าทำเพื่อวงการลูกหนังไทยนั้น ทำด้วยเป็นความจริงใจ หรือเพียงสร้างความฝันที่จับต้องอะไรไม่ได้