หลังจบศึกอาเซียนบาสเกตบอลลีกฤดูกาลที่แล้ว ไมเคิล ซิงเกิลทารี และเพื่อนร่วมทีมโมโนแวมไพร์ทุกคน รู้ดีว่าภารกิจยังไม่จบสิ้น การได้เข้าชิงแชมป์แต่พลาดในรอบชิงชนะเลิศนั้น เป็นสิ่งที่ค้างคาใจทุกคนที่เกี่ยวข้องรวมทั้งแฟนบาสเกตบอลชาวไทยส่วนใหญ่

ด้านผลงานส่วนตัว “ไมก์” จบฤดูกาลนั้นด้วยผลงานยอดเยี่ยม มีค่าเฉลี่ยต่อเกม 28.6 แต้ม 9.1 รีบาวด์ 4.5 แอสซิสต์ ซึ่งหลังจากพักผ่อนช่วงจบฤดูกาลแล้ว ไมก์กลับมาเมืองไทยอีกครั้งด้วยความหวังว่าปีนี้ถ้วยแชมป์จะต้องมาอยู่ในมือทีมจากไทยได้แน่นอน

ทว่า ในรอบฤดูกาลปกติของซีซัน 2018-2019 โมโนแวมไพร์ มีผลงานน่าผิดหวัง ชนะแค่เกมเดียวตลอดช่วงปลายปีจนถึงเดือนมกราคม ตามมาด้วยการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นในทีมถี่เสียจนมีข่าวออกมาแทบทุกเดือน

“เรามีผลงานช่วงเปิดฤดูกาล แตกต่างจากที่เราตั้งความหวังไว้อย่างมากครับ” ซิงเกิลทารี กล่าวยอมรับ

“แต่ยังไงก็ตาม เป้าหมายของเราคือต้องเข้ารอบเพลย์ออฟให้ได้ก่อน”

ค้างคาวอมตะสลับสับเปลี่ยนผู้เล่นเวิลด์อิมพอร์ตหลายคน แต่ที่ถือว่าเกิดอิมแพคต่อระบบทีมโดยตรงคือการจากไปของ เจสัน บริกแมน การ์ดตัวสร้างเพลย์ประจำทีมตลอดช่วงหลังที่ผ่านมา

“จริง ๆ แล้ว การเสียผู้เล่นอย่างเจสันไปนี่ต่อให้เป็นทีมไหน ก็ต้องได้รับผลกระทบใหญ่หลวงแน่นอน, แต่เราก็อาศัยการเล่นร่วมกันที่ดี, การใช้บาสเกตบอลไอคิว (ความฉลาดในการเล่น), เข้าช่วยทำให้ผลงานของทีมดีขึ้นเรื่อย ๆ ครับ” มิราเคิล ไมก์ อธิบาย

ซิงเกิลทารี ถือเป็นผู้นำทีม และเป็นผู้เล่นตัวหลักที่โมโนแวมไพร์จะขาดไม่ได้ โดยเขาพิสูจน์ฝีมือตัวเองให้เป็นที่ประจักษ์ด้วยการจบช่วงเรกูลาซีซัน กับสถิติ 25.1 แต้ม 10.4 รีบาวด์ 4.6 แอสซิสต์ เฉลี่ยต่อเกม และที่สำคัญคือพาทีมผ่านเข้ารอบเพลย์ออฟได้เป็นผลสำเร็จ ตามแผน

ขอบคุณภาพจากเพจ Mono Vampire Basketball Club

ในเพลย์ออฟรอบแรก แวมไพร์หักปากกาเซียนบาสเมืองนอก ด้วยการเอาชนะทีมหัวตารางอย่าง ฟอร์โมซา ดรีมเมอร์ส จากไต้หวัน แบบกวาดทิ้ง 2 เกมรวด ได้ผ่านเข้าไปพบกับ ซีแอลเอสไนต์ สุราบายา อินโดนีเซีย ทีมบาสเกตบอลที่แข็งแกร่งสุด ๆ เวลาได้เล่นในสนามบ้านตัวเอง

และการที่โมโนต้องเป็นฝ่ายไปเยือนก่อนในเกมแรก (แข่งวันที่ 21 เม.ย.) ถือเป็นงานที่ดูหนักหนาสาหัสพอสมควร ซึ่งฟอร์เวิลด์ ชาวอเมริกัน วัย 30 ปี กล่าวว่า

“เรารู้ดีว่าพอเข้ารอบนี้มาได้เราจะต้องเจอกับอะไร เมื่อตอนเจอกับฟอร์โมซาซึ่งเป็นทีมที่ดีมาก แต่เราก็พยายามผนึกกำลังกัน เล่นให้เหนียวแน่น และเราก็เจอวิธีที่จะปราบพวกเขาผ่านเข้ารอบมาได้ สำหรับไนต์ เรารู้ดีว่าสนามที่นั่นเป็นยังไง แฟนบาสอินโดเสียงดังมาก แต่เป้าหมายเรายังเหมือนเดิมคือต้องชนะกลับมา เราจะพยายามเล่นในจุดแข็งของเรา คอบคุมในสิ่งที่เราควบคุมได้ จบสกอร์ให้แข็งแรง มีความแน่นอน”

ซิงเกิลทารี เพิ่มเติมว่าเขาไม่ค่อยห่วงมากนักกับผู้เล่นฝั่งตรงข้ามที่ล้วนมีฝีมือระดับต้น ๆ ของลีก แถมมีประสบการณ์ใน ABL มายาวนาน

“ก็อย่างที่บอกครับ หากเราโฟกัสที่ตัวเราเอง มุ่งมั่นในสิ่งที่เราทำได้ เราก็มีโอกาสชนะ”

มิราเคิลไมก์ ทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า

“พวกเรามีเป้าหมายเดียว คือคว้าแชมป์ ไม่มีอย่างอื่น, ประสบการณ์และความเป็นผู้นำของ ไทเลอร์ แลมบ์ และโรมิโอ ทราวิส ช่วยทีมได้มาก ต่อจากนี้เราจะโฟกัสกันแบบเกมต่อเกมครับ”

ซีแอลเอส ไนต์ VS โมโน แวมไพร์ วันที่ 21 เม.ย. รับชมการแข่งขันได้เวลา 19.00 น. ทาง https://www.monomax.me/streaming_live

เรียบเรียงจากเว็บไซต์ Asean sports เขียนโดย Jian Chen

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน