การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อวันที่ 28 ก.ย. กลุ่มดี “ตราหมี”แอตเลติโก มาดริด รองแชมป์เก่าจากสเปน เปิดสนามเอสตาดิโอ บิเซนเต้ กัลเดรอน รับการมาเยือนของ “เสือใต้”บาเยิร์น มิวนิค จากเยอรมนี

สำหรับคู่นี้เป็นการรีแมตช์รอบรองชนะเลิศฤดูกาลก่อน ซึ่งคราวนั้นแอตฯมาดริดเปิดบ้านชนะ 1-0 จากนั้นบาเยิร์นเอาคืนในถิ่นตัวเอง 2-1 แต่เป็นฝั่ง “ตราหมี” ที่ได้เข้าชิงชนะเลิศตามกฎประตูทีมเยือน

เกมนี้แอตฯมาดริดส่ง อ็องตวน กรีซมัน, เฟร์นานโด ตอร์เรส, โกเก้ ลงนำทัพ ส่วนทีมเยือนมี โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, ฟร้องค์ ริเบรี่, โธมัส มุลเลอร์ เป็นหัวใจสำคัญ

ครึ่งแรกนาที 13 บาเยิร์นน่าได้ประตูอย่างยิ่ง ติอาโก้ อัลคันตาร่า เปิดลอยโด่งเข้าเขตโทษให้ โธมัส มุลเลอร์ วอลเลย์เต็มเหนี่ยวเข้าหากรอบ แต่โดน ยาน โอบลาก ไวทายาดปัดไว้ได้เหลือเชื่อ

นาที 19 โอกาสของเจ้าถิ่นบ้าง ยานนิก แฟร์เรร่า การ์ราสโก้ โชว์ลีลาเลี้ยงลุยผ่านผู้เล่นทีมเยือนจนเข้าเขตโทษแล้วซัดแบบถนัดถนี่ มานูเอล นอยเออร์ ยังทุบทิ้งไปได้สวย

นาที 22 เจ้าบ้านพลาดประตูอย่างน่าเสียดาย จากลูกเตะมุมฝั่งซ้าย โกเก้ เปิดมาเสาแรกเข้าศีรษะ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ลอยต่อไปยังเสาสองถึง เฟร์นานโด ตอร์เรส โดดโหม่งจ่อๆ แต่บอลชนเสาเต็มๆ

นาที 35 กองเชียร์แอตฯมาดริดได้เฮลั่น อ็องตวน กรีซมัน จ่ายบอลให้ ยานนิก แฟร์เรร่า การ์ราสโก้ กระชากต่อมาถึงหน้าเขตโทษแล้วกดเรียดไปชนเสาเข้าตุงตาข่าย “ตราหมี” จึงขึ้นนำในครึ่งแรก 1-0

ครึ่งหลังนาที 56 ฟร้องค์ ริเบรี่ ลุยขึ้นมาฝั่งซ้ายแล้วจ่ายเข้าเขตโทษให้ ดาวิด อลาบา ยิงเต็มแรงเข้าหากรอบ ยาน โอบลาก ยังยืนถูกตำแหน่งปัดทิ้งไปได้

นาที 67 แอตฯมาดริดหวิดได้เพิ่มเช่นกัน ยานนิก แฟร์เรร่า การ์ราสโก้ ได้บอลหน้าเขตโทษแล้วปั่นเข้าหากรอบประตู มานูเอล นอยเออร์ ยังพุ่งไปทุบทิ้งได้ทัน

นาที 82 อาร์ตูโร่ วิดัล วิ่งพรวดเข้าชน ฟิลิเป้ ลุยส์ ในเขตโทษ ผู้ตัดสินจึงชี้ไปที่จุดโทษโดยไม่ลังเล อ็องตวน กรีซมัน รับหน้าที่สังหารไปชนคานเสียเอง ทำให้สกอร์ยังไม่ขยับเพิ่ม

จากนั้นบาเยิร์นพยายามเดินเกมรุกเพื่อตีเสมอ ส่วนแอตฯมาดริดคอยหาจังหวะสวนกลับ แต่ไม่มีสกอร์เพิ่มอีก จบเกมแอตฯมาดริดเฉือนชนะไปหวุดหวิด 1-0

“ตราหมี” ยังคงรักษาสถิติไร้พ่ายเกมทางการในฤดูกาลนี้ต่อไปเป็นนัดที่ 8 ส่วนบาเยิร์นแพ้แมตช์ทางการนัดแรกในยุคของ คาร์โล อันเชล็อตติ หลังเตะมา 9 นัดก่อนหน้านี้ชนะรวด

ผลอีกคู่ในกลุ่มนี้ รอสตอฟ จากรัสเซีย เสมอ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น จากเนเธอร์แลนด์ 2-2 ทำให้แอตฯมาดริดนำจ่าฝูง โดยชนะรวด 2 นัด เก็บไป 6 แต้ม ตามด้วยบาเยิร์น 3 แต้ม อันดับ 3 พีเอสวี มี 1 แต้มเท่ารอสตอฟ แต่ประตูได้เสียพีเอสวีดีกว่า

ด้านกลุ่มซี “ม้าลายเขียวขาว”เซลติก จากสกอตแลนด์ เสมอกับ “เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากอังกฤษ 3-3 นับเป็นผลเสมอในเกมทางการครั้งแรกของแมนฯซิตี้ภายใต้ยุค เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จากที่ก่อนหน้านี้ชนะรวดมา 10 นัดรวมทุกรายการ

นัดนี้เจ้าถิ่นได้จาก มุสซ่า เดมเบเล่ นาที 3 และ 47, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง นาที 20(ทำเข้าประตูตัวเอง) ส่วนทีมเยือนได้จาก แฟร์นานดินโญ่ นาที 11, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง นาที 28, โนลิโต้ นาที 55

อีกคู่ในกลุ่มเดียวกัน “สิงห์หนุ่ม”โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค จากเยอรมนี พ่ายต่อ “เจ้าบุญทุ่ม”บาร์เซโลน่า จากสเปน 1-2

เกมนี้เจ้าถิ่นนำก่อนจาก ธอร์กัน อาซาร์ นาที 34 แต่ทีมเยือนแซงรวดเดียวจาก อาร์ด้า ตูราน นาที 65, เคราร์ด ปิเก้ นาที 73

กลุ่มนี้บาร์เซโลน่านำจ่าฝูง ชนะรวด 2 นัด เก็บไป 6 คะแนนเต็ม ตามด้วยแมนฯซิตี้ 4 แต้ม เซลติก 1 แต้ม และกลัดบัค 0 แต้ม

ส่วนผลคู่อื่น กลุ่มเอ ลูโดโกเร็ตส์(บัลแกเรีย) แพ้ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง(ฝรั่งเศส) 1-3, อาร์เซนอล(อังกฤษ) ชนะ เอฟซี บาเซิ่ล(สวิตเซอร์แลนด์) 2-0, กลุ่มบี เบซิคตัส(ตุรกี) เสมอ ดินาโม เคียฟ(ยูเครน) 1-1, นาโปลี(อิตาลี) ชนะ เบนฟิก้า(โปรตุเกส) 4-2

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน