นาฟ บาห์เตีย: เส้นทางสู่การเป็นแฟนพันธุ์แท้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ NBA – “ฉันไม่สูบบุหรี่ ฉันไม่ดื่ม ฉันไม่เจ้าชู้ ฉันแรปเตอร์สอย่างเดียวนั่นแหละ” ซูเปอร์แฟน ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ NBA ใช้บาสเกตบอลเพื่อเปลี่ยนการรับรู้และนำชุมชนเข้าด้วยกันได้อย่างไร

ย้อนไปในปี 1995 นาฟ บาห์เตีย เข้าชมเกมแรปเตอร์สครั้งแรก ซึ่งตอนนั้นทีมบาสเกตบอลแฟรนไชส์นี้ยังหน้าใหม่มากๆ ต่อลีก NBA ไร้ซึ่งผู้เล่นออลสตาร์ ไร้ซึ่งความหวังเข้ารอบลึก…หรือการคว้าแชมป์

การที่เขาเข้าไปดูเกม เกิดจากความรักในกีฬาบาสเกตบอลล้วนๆ ยังไม่ใช่แฟนคลับของทีม

ตลอด 24 ปีต่อมา เขาไม่เคยพลาดเกมเลยแม้แต่นัดเดียว ตามคำบอกเล่าของเขา โดยตลอดการเดินทางนั้น เขาได้เป็นเพื่อนกับคนดังมากมาย ได้ทำงานรับใช้สังคม ขยายความชอบในเกมบาส พัฒนาไปเป็นการเชื่อมโยงชุมชนเข้าด้วยกัน

คนที่สร้างตัวเอง

เรื่องราวของซูเปอร์แฟนรายนี้ ที่กลายเป็นหนึ่งในตำนานน่าชื่นชมจนถูกเล่าขานต่อๆ กันก็คือการที่เขาต่อสู้สร้างเนื้อสร้างตัวสร้างฐานะ จากจุดเริ่มต้นที่แทบเป็นคนไม่มีทรัพย์สมบัติมากมายอะไร ก่อนกลายเป็นมหาเศรษฐีแห่งโตรอนโต

นาฟ บาห์เตีย เกิดและเติบโตที่เดลี พ่อของเขาผู้ทำธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพสายตา ผู้ซึ่งต้องการให้ลูกชายเรียนหมอ จึงส่งเขาเรียนที่ DAV College Jalandhar แต่การเลือกเข้าเรียนเภสัช ดูจะไม่ใช่สายอาชีพที่บุรุษผู้นี้หลงใหลเท่าใดนัก

หลังจากย้ายมาที่สหรัฐอเมริกาในช่วงต้นทศวรรษ 1970 เพื่อศึกษาต่อด้านวิศวกรรมเครื่องกลเขาอยู่ในแคลิฟอร์เนียหลายปีทำงานร่วมกับพี่ชายของเขา บาห์เตีย เป็นเจ้าของและบริหารโรงภาพยนตร์และยังมีร้านอาหารหลายแห่งก่อนที่จะย้ายกลับไปเดลีในที่สุดด้วยความมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจของครอบครัว แผนการเหล่านั้นเปลี่ยนไปในช่วงการจลาจลต่อต้านชาวซิกข์ในปี 1984 เมื่อเงื่อนไขเป็นอันตรายเกินไปบังคับให้ บาห์เตียออกจากอินเดียอีกครั้ง

เกาะติดข่าวกีฬา แค่กดติดตาม ไลน์@ข่าวสดกีฬา ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

คราวนี้เขาตั้งรกรากในแคนาดาและเมื่อเดินทางมาถึงก็มองหางานวิศวกรรม ทว่าไม่มีใครต้องการจ้างชาวซิกข์ที่มีผ้าโพกหัวและเครา

หลายเดือนผ่านไปจนกระทั่งในที่สุด ตัวแทนจำหน่ายรถฮุนไดให้โอกาส และจ้างเขาเป็นพนักงานขายรถยนต์ เมื่อเผชิญกับพฤติกรรมโดนดูหมิ่นจากเพื่อนร่วมงานและลูกค้า เขาก็ตั้งใจแน่วแน่ที่จะพิสูจน์ว่าการทำงานหนักนั้นเป็นสิ่งที่จะขจัดความเกลียดชังจากคนรอบข้างได้ และในช่วงสามเดือนแรกของเขานั้นมียอดขายรถยนต์สูงถึง 127 คันเลยทีเดียว

ไม่กี่ปีต่อมา บาห์เตียได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้จัดการของตัวแทนจำหน่ายอีกรายหนึ่ง ซึ่งสภาพธุรกิจใกล้จะล้มละลาย เขาสู้งานหนัก จนในที่สุดก็เปลี่ยนมันให้กลายเป็นหนึ่งในตัวแทนจำหน่ายชั้นนำของแคนาดา

กลายเป็นแฟนพันธุ์แท้

จากปี 1995 ถึงปี 1998 Bhatia ส่งเสียงเชียร์ทุกเกมตั้งแต่ต้นจนจบ – โตรอนโตอาจเป็นทีมที่แย่ที่สุดในกลุ่มทีมภาคตะวันออกในช่วงเวลานั้น แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้ชมจะเห็นก็คือการปรบมือ และเสียงตะโกนไม่หยุดหย่อนของแขกซิกห์รายหนึ่งที่ข้างสนาม

จนในที่สุดในปี 1998 Isiah Thomas อดีตผู้จัดการทั่วไปของ แรปเตอร์ส และผู้เล่นระดับ Hall of Fame ได้เชิญ บาห์เตียไปที่ศาลาว่าการประจำเมืองโตรอนโต และมอบตำแหน่งทางการของซูเปอร์แฟน (Superfan) ให้กับเขา

ทว่าเหตุการณ์เปลี่ยนชีวิตเกิดขึ้นก่อนนั้นไม่นาน เมื่อมีคนเข้าใจว่าเขาคือคนขับแท็กซี่ สะท้อนให้เห็นความห่างเหิน และไม่เข้าใจกันและกันระหว่างชาวแคนาดา กับชาวเอเชียใต้ที่อพยพเข้ามาทำงานที่ประเทศแห่งนี้เป็นจำนวนมาก

หลังจากบาห์เตียมีตำแหน่งซูเปอร์แฟน เขาจึงเริ่มกิจกรรมต่างๆ ที่จะประสานคนต่างถิ่น กับคนท้องถิ่น ให้สามารถเข้าใจซึ่งกันและกัน สะท้อนออกมาเป็นการแสดงจากนักแสดงข้ามชาติช่วงพักครึ่ง, การออกเงินหลายแสนดอลลาห์เพื่อซื้อตั๋วพาเด็กๆ ชาวซิกห์เข้าไปดูเกมการแข่งขัน เป็นต้น

แม้ว่าเขาอาจจะเป็น ซูเปอร์แฟนของแรปเตอร์ส แต่การขยายงานกิจกรรมไม่ได้จำกัดอยู่ที่โตรอนโต โดยบาห์เตียริเริ่มโครงการช่วยเหลือมากมาย กระจายการทำงานทั้งในสหรัฐ และอินเดียบ้านเกิด

ความรักในเกมบาสเกตบอลของเขาขยายออกไปไกลเกินกว่าคอร์ตไม้ปาเก้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ภารกิจชีวิตของเขาก็คือ การทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ในขณะเดียวกันก็พยายามทลายกำแพงของคนต่างเชื้อชาติกัน

“ผมมักจะพูดว่า ให้ผมกับใครก็ได้ในโลกนี้ไปดูบาสด้วยกัน ไม่ว่าจะชาติใด สีผิวใด ศาสนาใด ผมขอเวลาแค่ 48 นาทีในเกมกับพวกเขา รับรองว่าเขาคนนั้นจะมองชาวซิกห์เปลี่ยนไปตลอดกาล” – บาห์เตียพูดใน Ted Talk ปี 2014

และในคืนวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก็กลายเป็นวันที่บาห์เตียมีความสุขที่สุดเมื่อทีมรักของเขา ได้เป็นแชมป์ NBA สมใจ

อ่าน – วี เดอะ นอร์ธ ! แรปเตอร์สทำได้ โค่นวอร์ริเออร์สครองแชมป์ NBA2019

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน