หลังจากที่ทัพนักกีฬาไทยทำผลงานคว้า 72 เหรียญทอง 86 เหรียญเงิน และ 86 เหรียญทองแดง ทำให้ได้รับเงินรางวัลตามหลักเกณฑ์กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ โดยนักกีฬาได้รับคนละ 200,000 บาท, ผู้ฝึกสอนไม่เกิน 6 คน รับ 20 เปอร์เซ็นต์ และ 7 คนขึ้นไปรับ 10 เปอร์เซ็นต์ ส่วนสมาคมกีฬารับ 30 เปอร์เซ็นต์ จากยอดเงินของนักกีฬา โดยทัพนักกีฬาไทยจะได้รับเงินรางวัลรวมทั้งสิ้น 124,090,000 บาท ประกอบด้วย

 

สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ได้รับเงินรางวัลสูงสุด 16,240,000 บาท รองลงมาคือ สมาคมกีฬาตะกร้อฯ 13,440,000 บาท ส่วนสมาคมกีฬาอื่น ดังนี้ กรีฑา 9,975,000 บาท, กอล์ฟ 1,875,000 บาท, ขี่ม้า 1,875,000 บาท, ขี่ม้าโปโล 980,000 บาท, คาราเต้ 2,255,000 บาท, คริกเก็ต 5,250,000 บาท, จักรยาน 3,375,000 บาท, เทนนิส 2,925,000 บาท, เทเบิลเทนนิส 1,425,000 บาท, เทควันโด 2,625,000 บาท, เนตบอล 840,000 บาท

 

แบดมินตัน 5,250,000 บาท, โบว์ลิ่ง 2,100,000 บาท, บาสเกตบอล 2,520,000 บาท, บิลเลียด 1,125,000 บาท, ปันจักสีลัต 2,250,000 บาท, เปตอง 2,625,000 บาท, ฟันดาบ 600,000 บาท, ฟิกเกอร์และสปีดสเก็ตติ้ง 750,000 บาท

 

มวยสากล 1,125,000 บาท, มวยไทย 1,050,000 บาท, ยิงเป้าบิน 750,000 บาท, ยิงธนู 525,000 บาท, ยิมนาสติก 1,500,000 บาท, ยูโด 675,000 บาท, ยกน้ำหนัก 525,000 บาท, ยิงปืน 1,425,000 บาท, รักบี้ฟุตบอล 4,200,000 บาท, เรือใบ 4,425,000 บาท

 

ลอนโบวล์ส 975,000 บาท, วอลเลย์บอล 6,720,000 บาท, ว่ายน้ำ 8,065,000 บาท, วินด์เซิร์ฟ 600,000 บาท, สควอช 300,000 บาท, เอ็กซ์ตรีม 2,250,000 บาท, ฮอกกี้ 5,880,000 บาท และฮอกกี้น้ำแข็ง 2,800,000 บาท ส่วน ไตรกีฬา และวูซู เป็นเพียง 2 สมาคมกีฬาที่ไม่ได้รับเงินรางวัลเลย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน