ฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ โดย “บิ๊กอ๊อด”พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมได้เปิดตัวถ้วยแชมป์การแข่งขันฟุตบอลลีกภายในประเทศไทยทั้ง 4 ลีก ประกอบด้วยไทยลีก 1, เอ็ม-150 แชมเปี้ยนชิพ (ไทยลีก 2), ยูโรเค้ก ลีกโปร (ไทยลีก 3) และ ยูโรเค้ก ลีก (ไทยลีก 4) รวมถึงช้าง เอฟเอคัพ เป็นที่เรียร้อยแล้วนั้น อย่างไรก็ดีมีกระแสทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย โดยฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยมองว่าสมควรนำถ้วยพระราชทาน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พระราชทานให้สมาคมฟุตบอลไทยเพื่อมอบแก่ทีมแชมป์ในการแข่งขันระดับต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ถ้วยพระราชทาน ประเภท ข, ค, ง มาเป็นถ้วยรางวัลแชมป์ลีกในปัจจุบัน
ล่าสุด “เดอะโจ”พาทิศ ศุภพะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศและโฆษกสมาคมกีฬาฟุตบอลไทย กล่าวว่า ถ้วยพระราชทานเดิมทั้งหมดยังอยู่กับสมาคมฟุตบอลเพียงแต่ตอนนี้ยังอยู่ขั้นตอนการศึกษาว่าพระประสงค์เดิมนั้นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ทรงพระราชทานให้เพื่อการแข่งขันอย่างไร เนื่องจากาการอันเชิญถ้วยพระราชทานรวมทั้งจัดกิจกรรมเกี่ยวกับถ้วยพระราชทานต้องส่งเรื่องถึงสำนักพระราชวัง และต้องมีกำหนดการที่ชัดเจนแน่นอน เพราะอาจจำเป็นต้องทำเรื่องเชิญผู้แทนพระองค์มามอบถ้วยรางวัล ซึ่งปัจจุบันนี้ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งในการรบกวนส่งเรื่องอื่นไปยังสำนักพระราชวัง
“แต่เดิมนั้นการแข่งขันฟุตบอลในประเทศจะมีคู่ชิงชนะเลิศอย่างชัดเจน กำหนดวัน เวลา สถานที่อย่างแน่นอน จึงจะทำเรื่องส่งสำนักพระราชวังเพื่อเชิญผู้แทนพระองค์มามอบถ้วยพระราชทาน แต่ปัจจุบันนี้เป็นการแข่งขันอาชีพระหว่างบริษัทซึ่งเป็นหน่วยงานเอกชนคือบริษัทฟุตบอลต่างๆ และไม่สามารถกำหนดกฎเกณฑ์รวมถึงเวลาที่แน่ชัดได้ ที่สำคัญผู้จัดการแข่งขันไม่ใช่สมาคมฟุตบอลหากแต่เป็นบริษัทไทยลีก ซึ่งสมาคมให้สิทธิ์ในการจัดแข่งขัน ดังนั้นเราไม่สามารถรู้ได้ว่าทีมแชมป์จะเป็นทีมใด และไม่รู้ล่วงหน้าว่าจะมอบถ้วยรางวัลให้เวลาใด บางครั้งนัดสุดท้ายที่ตัดสินแชมป์อาจมีการแข่งขันมากกว่าหนึ่งสนาม การอัญเชิญถ้วยพระราชทานรวมถึงผู้แทนพระองค์ไม่สามารถกำหนดวันล่วงหน้าได้ ดังนั้นเราจึงจำเป็นที่ต้องสร้างถ้วยแชมป์อาชีพขึ้นมาใหม่รวมถึงถ้วยเอฟเอคัพด้วย”
“ถ้าสังเกตให้ดีจะทราบว่าปีที่แล้วเราไม่มีถ้วยแชมป์ให้เมืองทอง ยูไนเต็ด เนื่องจากบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก เดิม (ทีพีแอล) ไม่ได้ส่งมอบถ้วยรางวัลให้แก่สมาคมชุดใหม่ ต้องรอจนถึงฤดูกาลนี้เราจึงมีการมอบถ้วยแชมป์ให้เมืองทอง การที่เราสร้างถ้วยขึ้นมาใหม่เพื่อความสะดวกในการจัดการแข่งขัน บางครั้งทีมที่ได้แชมป์แต่ไม่ได้เล่นนัดสุดท้ายในบ้าน แต่ต้องการรับแชมป์ในบ้านเราสามารถจัดการมอบถ้วยแชมป์ได้ทันที โดยไม่ต้องส่งเรื่องไปยังสำนักพระราชวัง”
“ส่วนถ้วยแชมป์พระราชทานทั้งหมดยังอยู่ที่สมาคมและจะมีการจัดการแข่งขันอย่างแน่นอนเพียงแต่ยังไม่มีกำหนดชัดเจนว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใดและอย่างไรเพื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์มากที่สุด ผมบอกได้เพียงว่าคงไม่ใช่ในเร็ววันนี้” โฆษกสมาคมลูกหนังกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน