ความคืบหน้ากรณีที่ “บิ๊กอ๊อด”พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ออกมาเปิดเผยว่า ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลได้ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สืบข้อมูลขบวนการล็อกผลการแข่งขันฟุตบอลในประเทศจากผู้มีอิทธิพล จนกระทั่งได้ตัวผู้กระทำผิดทั้งสิ้น 12 ราย พร้อมกับได้มีการจับกุม และคุมตัวสอบปากคำอยู่ที่กองบังคับการสืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นที่เรียบร้อย

รายชื่อบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด 12 คน ประกอบด้วย นักฟุตบอลอาชีพ 5 ราย คือ 1.นายสุทธิพงษ์ เหลาพร นักฟุตบอลทีมราชนาวี เอฟซี 2.นายณรงค์ วงษ์ทองคำ ผู้รักษาประตู ทีมราชนาวี เอฟซี 3.นายสุวิทยา นำสินหลาก นักฟุตบอลทีมราชนาวี เอฟซี 4.นายเสกสันต์ ชาวทองหลาง นักฟุตบอลทีมราชนาวี เอฟซี 5.นายวีระ เกิดพุดซา ผู้รักษาประตู ทีมนครราชสีมา มาสด้าเอฟซี / กรรมการผู้ตัดสิน (ฟีฟ่า) 1 ราย คือ นายภูมิรินทร์ คำรื่น และไลน์แมน 1 ราย คือ นายธีรจิตร สิทธิศุข / ผู้บริหารสโมสร 1 ราย คือนายเชิดศักดิ์ บุญชู ผู้อำนวยการสโมสรศรีสะเกษ เอฟซี / กลุ่มนายทุนหรือตัวแทนนายทุน 4 ราย คือ 1.นายวัลลภ สมาน 2.นายกิตติภูมิ ปาภูงา 3.นายมานิตย์ หรือ เศรษฐปสิทธิ์ โกมลวัฒนะ 4.นายภาคภูมิ พันธ์นิกุล

ล่าสุดเมื่อ 22 พ.ย. เวลา 14.00 น. ที่โรงแรมเอสซีปาร์ค นายธเนศ เครือรัตน์ ประธานสโมสร “กูปรีอันตราย”ศรีสะเกษ เอฟซี ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเกี่ยวกรณีที่มีชื่อของ นายเชิดศักดิ์ บุญชู ผู้อำนวยการสโมสรมีส่วนร่วมกับกระบวนการล็อกผลการแข่งขัน

นายธเนศ กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอบคุณนายกสมาคมฟุตบอล, ผบ.ตร. และเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนที่ให้ความกระจ่างในเรื่องนี้และช่วยพัฒนาวงการฟุตบอลไทย พร้อมกับขอโทษแฟนบอลศรีสะเกษทุกคน ที่ทำให้สโมสรต้องมีความเสื่อมเสีย ซึ่งตนนั้นไม่คิดว่าจะมีบุคคลในสโมสรจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องแบบนี้ และรู้สึกเสียใจอย่างมาก

“จริงๆ แล้วผมกับนายเชิดศักดิ์ ไม่ได้มีความสนิทสนมเป็นพิเศษ เพราะมีคนฝากเข้ามา เนื่องจากว่าทางสโมสรได้ให้นายเชิดศักดิ์ เป็นผู้คอยดูแลผู้ควบคุมการแข่งขัน และผู้ตัดสิน คอยอำนวยความสะดวกขับรถไปส่งสนามบินต่างๆ ซึ่งการจะทำเอดีการ์ดเพื่อเข้าสนามจำเป็นต้องมีตำแหน่งในสโมสร และตอนนั้นมีตำแหน่งเดียวที่ว่างอยู่จึงต้องตั้งขึ้นมา”

นายธเนศ กล่าวอีกว่า ในนามของสโมสรขอยืนยันว่าตนและเจ้าหน้าที่ทุกคนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวทั้งสิ้น และพร้อมที่จะเอาผิดให้ถึงที่สุด เพราะว่าตนทำทีมมา 10 กว่าปี ลงทุนมามาก จะไม่ทำให้ทีมต้องเสียหายเพราะเรื่องนี้อย่างแน่นอน อีกทั้งตนยังเป็นหนึ่งในผู้ร่างกฎหมาย พ.ร.บ.ส่งเสริมกีฬาอาชีพ ขึ้นมาด้วยตนเอง รู้จักโทษเป็นอย่างดี จะไม่ให้ใครทำผิดเช่นนั้นเด็ดขาด

ปธ.กูปรีอันตราย กล่าวอีกว่า หลังจากเกิดเรื่องขึ้นมีคนพูดเหมือนกันว่าแค่ผอ.สโมสรคนเดียวคงทำเรื่องไม่ได้แน่นอน ซึ่งตอนนี้มีผู้เล่น 4 รายของทีมที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เป็นการทำให้นักเตะเสื่อมเสีย และเสียสมาธิ ส่งผลร้ายกับสโมสร การสอบสวนนั้นเกิดขึ้นในช่วงท้ายของฤดูกาล จริงๆ ไม่อยากพูดว่าเป็นส่วนที่ทำให้ทีมผลงานเสียหายจนตกชั้น แต่ยอมรับว่ามันมีส่วนจริง สำหรับนักเตะทั้ง 4 คนที่ถูกสอบสวนนั้น มี 2 คนเป็นคนศรีสะเกษ และมีความใกล้ชิดส่วนตัว ไม่คิดว่าจะทำเรื่องเช่นนี้ได้ และยังเชื่อว่าทั้ง 4 คนนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามต้องรอให้เจ้าหน้าที่สืบสวนต่อให้เรียบร้อยก่อน

“ทั้ง 4 คนยังไม่ได้คุยเป็นการส่วนตัว แต่ 3 ใน 4 หมดสัญญากับสโมสรแล้ว และไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีม แต่ถ้าหากนักเตะอยากที่จะคุยพร้อมจะเปิดโอกาสให้คุยได้ ส่วนอีกคนหนึ่งยังมีสัญญาอยู่ ถ้าหากไม่มีความผิดคงเรียกมาคุยกันภายหลังต่อไป”

เกมที่ศรีสะเกษถูกมองว่าล้มบอล คือเกมฟุตบอลถ้วยโตโยต้า ลีกคัพ 2017 นัดที่ศรีสะเกษ พ่าย อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด 0-3 ซึ่งนายธเนศ กล่าวถึงเกมนี้ว่าจริงๆ มีผิดสังเกตเล็กน้อยเพียงแต่วันนั้นฝนตกหนักมาก จึงไม่ได้คิดอะไร หลังเกมคุยกันปกติ และนอกจากนี้ยังมีรายงานว่ามีอีก 2 เกมที่มีส่วนด้วยเช่นกัน แต่คงไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเกมใด

“หลังจากที่เกิดเรื่องมีแฟนบอลตำหนิมาบ้าง ขอยอมรับในความผิดพลาด ซึ่งหลังจากนี้การจะรับใครเข้ามาทำงานในสโมสรจะต้องคัดเลือกให้ดีมากกว่านี้ ส่วนกรณีของผู้อำนวยการสโมสรนั้นตั้งแต่เกิดเรื่องไม่ได้คุยกันอีกและไม่สามารถติดต่อได้ แต่หากคดีความสิ้นสุดและศาลสั่งว่ามีความผิดจริงทางสโมสรจะปรึกษากับทนายอีกครั้งว่าจะดำเนินการด้านกฎหมายเพิ่มเติมอย่างไรหรือไม่”

“ผมขอยืนยันอีกครั้งว่าสโมสรไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับการกระทำของนายเชิดศักดิ์และคนอื่นๆ แต่ทั้งนี้หากการสอบสวนระบุว่าสโมสรเป็นฝ่ายผิดต้องได้รับโทษเราพร้อมน้อมรับคำตัดสิน” นายธเนศ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน