หากย้อนไปเมื่อฤดูกาลไทยลีก 2017 ทีมอย่าง “ค้างคาวไฟ”สุโขทัย เอฟซี ต้องดิ้นเดือดดาลจนลุ้นกันจนแฟนบอลนั้นอึดอัด แต่จนแล้วจนรอดสุดท้ายยังสามารถอยู่รอดในลีกสูงสุดของประเทศต่อไปได้

ที่สำคัญช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมาได้มีการเสริมทัพในหลายตำแหน่งทั้ง ผู้รักษาประตู กองหลัง กองกลาง กองหน้า เรียกชนิดว่าครบทุกตำแหน่ง แต่ในระยะแรกของการอุ่นเครื่องแฟนบอลรวมถึงทีมต่างๆ ยังปรามาศว่าการเสริมทัพแค่นี้ จะพาทีมอยู่รอดได้จริงหรือ…!!

อย่างไรก็ดีเกมปรีซีซั่น “ช้าง อินวิเตชั่น 2018” ที่จังหวัดชลบุรี ทัพค้างคาวไฟ สามารถคว้าแชมป์ โดยในเกมแรกเสมอในเวลากับชลบุรี เอฟซี 2-2 ก่อนจะชนะไปด้วยการยิงจุดโทษ และในเกมที่ 2 สามรถเอาชนะอุบล ยูเอ็มที 3-0 แม้จะเป็นเพียงถ้วยเล็กแต่กลับสิ่งที่ทำให้แฟนบอลนั้นฮึกเฮิม

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานสโมสร เผยว่า แม้จะเป็นรายการเล็กๆ ตามที่หลายฝ่ายมอง ส่วนตัวนั้นกลับมองว่าไม่ใช่และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ดี การคว้าแชมป์ ช้าง อินวิเตชั่น 2018 สร้างขวัญกำลังใจให้นักเตะ แฟนบอลในจังหวัดมีความสุข การแข่งขันในรายการนี้จัดสลับสับเปลี่ยนในทีมชุดใหญ่ สำรองและเปิดโอกาสให้เยาวชนได้สัมผัสเกม

“หากทุกคนได้ติดตามจะเห็นได้ว่าการเสริมทัพในปีนี้เราได้ต่างชาติ ฝีเท้าดี กองกลางไทยที่เล่นได้ดี และนักเตะในทุกตำแหน่งตัวจริงกับสำรอง คุณภาพไม่แตกต่างกัน ดังนั้นในฤดูกาลนี้ เราไม่ได้กลัวใครเช่นกัน เวลานี้เรากำลังปรับจูนทีมให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ความฟิตต่างๆ เรากำชับเป็นพิเศษ สำหรับเด็กเยาวชนในปีนี้ ผมขอยืนยันตรงนี้ว่าเรากำลังเร่งพัฒนา ให้ความสำคัญกับเด็กมาก อีกไม่นานนี้พวกคุณจะได้เห็นเยาวชนของเราเล่นไทยลีก และติดทีมชาติในทุกชุด ผมทุ่มเงินเป็น 100 ล้านในการสร้างศูนย์ฝึกครบวงจร นี่คงบอกได้ว่าคนแบบผมไม่ได้ทำเล่นๆ”

การที่ปีที่แล้วดิ้นรนจนแทบจะถึงนัดสุดท้ายก่อนจะรอดตกชั้นแบบหวุดหวิด แต่ปีนี้ยากกว่าเดิมเนื่องจากต้องตกชั้น 5 ทีม ประธานสุโขทัย กล่าวว่า ได้แจ้งสมาคมฟุตบอลแล้วว่า 13 ทีมในไทยลีกไม่เห็นด้วย แต่เวลานี้จะมาประวิงเวลาทำไมตกเท่าไหร่ก็เท่านั้น ตนเตรียมพร้อมมาตลอด ไม่ว่าอย่างไรพร้อมสู้ ปีนี้การเสริมทัพจึงเน้นแต่ของดีเป็นพิเศษ งบประมาณที่ใช้มากขึ้น ถึงเวลานี้ตนพร้อม ทีมพร้อม แต่แฟนบอลร้อมหรือยังที่จะเข้ามาในสนาม ทำให้สนามทะเลหลวงกลับมาเป็นนรกของทีมเยือน และยังเชื่อว่าหากแฟนบอลเข้าสนามจริงทุกทีมในประเทศต้องเกรงสุโขทัย เอฟซี

หนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทีมจะประสบความสำเร็จนั่นคือตัวกุนซือ โดย “โค้ชเบ๊”ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก หัวหน้าผู้ฝึกสอนช่วงปิดซีซั่นมีข่าวกับทีมอื่นมากมาย ก่อนสุดท้ายจะคุยลงตัวตัดสินใจอยู่กับทีมต่อไปในฤดูกาลนี้

“โค้ชเบ๊” เผยถึงการทำทีมในฤดูกาล 2018 ว่า “ผมไม่ได้หวังอะไรที่มันเป็นรูปธรรมมากนัก ผมหวังในรูปแบบของนามธรรมมากกว่า คือจะทำอย่างไรให้การเล่นของทีมมีความดุดันและน่ากลัวสำหรับทีมที่จะพบเจอกับเรา หากทีมใดที่จะต้องพบกับสุโขทัย เอฟซี พวกเขาต้องหวั่นใจบ้าง ไม่ใช่เห็นทีมเราเป็นขนมเคี้ยวได้ง่ายๆ แต่หากจะให้พูดแบบเป็นนามธรรมจริงๆ คือตั้งเป้าไว้ที่อับดับ 1 ใน 9 ของไทยลีก ซึ่งการเตรียมทีมที่ผ่านมา 1 เดือนและเกมการอุ่นเครื่องและปรีซีซั่นถือว่าทีมเรามาได้ถูกทางแล้ว อยู่ในฟอร์มที่ดี แต่ผมยังคิดว่าเราสามารถพัฒนาไปได้อีก”

“ในฤดูกาลนี้เราได้เสริมนักเตะเกรดเออย่าง เนลสัน โบนีญ่า กองหน้าเอลซัลวาดอร์ ที่โชว์ฟอร์มได้ดียิงไป 4 ประตูในเกมที่ชลบุรี รวมทั้ง เอ็นจีว่า ตัวรุกชาวมาดากัสการ์ ที่จะเข้ามาประสานงานกับเพื่อนร่วมชาติอย่าง จอห์น บาจโจ้ เราต้องใช้การเล่นพวกเขาให้เป็นประโยชน์สูงสุด เช่นการเล่นแบบโต้กลับเร็ว ซึ่งในปีก่อนค่าเฉลี่ยการทำประตูของทีมอยู่ที่ 1.6-1.8 ต่อนัด ซึ่งถือว่าไม่น่าเกลียด แต่มีปัญหาที่เกมรับที่ค่าเฉลี่ยเรื่องเสียประตูอยู่ที่ 2 ลูกต่อนัด นี่คือสิ่งที่เราต้องแก้ไข โดยเฉพาะการรับมือกับลูกตั้งเตะและลูกครอสจากด้านข้าง”

“ส่วนขุมกำลังของทีมตอนนี้ถือว่าน่าพอใจในระดับหนึ่ง ปีนี้เรามีตัวสำรองที่พร้อมจะลงเล่นและมีมาตราฐานที่ไม่ต่างจากตัวจริงมากนัก ตอนนี้ผมตั้งโจทย์ไว้คือ 1. พัฒนาและหา 11 คนแรกที่ดีที่สุดให้ได้ 2.ซ้อมประสิทธิภาพของทีมให้ดีที่สุด และ 3.รักษาสมดุลของทีมลดความเหลื่อมล้ำของตัวจริงและตัวสำรอง ซึ่งภาพรวมแล้วศักยภาพของทีมเราถือว่าดีกว่าปีก่อน ในส่วนของการพัฒนาระบบเยาวชนและการดันเด็กขึ้นสู่ชุดใหญ่นั้น แน่นอนว่าประธานสโมสรมีแนวคิดและสนับสนุนเรื่องนี้เป็นพิเศษ ซึ่งผมเห็นด้วยและพร้อมที่จะให้โอกาสกับเยาวชนในอะคาเดมี่ทุกคน อยู่ที่ตัวเด็กแล้วว่าจะพัฒนาตัวเองขึ้นสู่ชุดใหญ่ได้หรือไม่”

“ที่ผ่านมาผมดูเด็กๆ หลายคนมีแววที่จะพัฒนาไปได้ต่อ อย่าง 2 คนล่าสุดที่ส่งลงเล่นเกมอุ่นเครื่อง วัชรินทร์ ใหญ่เลิศ และ ภานุพงศ์ เอี่ยมพิพัฒน์ ถือว่าทำผลงานได้ดีในการซ้อม มีแววที่จะดันและพัฒนาต่อไปได้ ต้องอยู่ที่พวกเด็กๆ เหล่านี้จะพัฒนาตัวเองได้แค่ไหน ทั้งความรับผิดชอบต่อตนเองและความมุ่งมั่น รวมทั้งเรื่องระเบียบวินัยเวลาอยู่นอกสนามด้วย” โค้ชเบ๊ กล่าว

นอกจากทีมชุดใหญ่แล้วอย่างที่บอกว่ามีการผลักดันเยาวชนเพื่ออนาคต ดังนั้นสุโขทัย จึงผุดทีมเด็กอย่างสุโขทัย เอฟซี บี ส่งลงเล่นในยูโร่เค้ก ลีก 2018 (ไทยลีก 4) โซนภาคเหนือ โดยมี “โค้ชเบนซ์”ญาณวิทย์ คันธราษฎร์ คุมทัพ ซึ่งสภาพความพร้อมตอนนี้ โค้ชเบนซ์ เผยว่าราว 80 เปอร์เซ็นต์ หลังจบรายการฟุตบอลเยาวชน (ยูธลีก) และทีมได้เฟ้นหานักเตะฝีเท้าดี ทั้งกระบวนการคัดตัวระบบเปิดซึ่งกำหนดคุณสมบัติและระบบเครือข่ายแมวมอง พบว่าทีมมีนักเตะที่มีฝีมือและพร้อมเรียนรู้กับระบบพัฒนาทีมเข้าเสริมทัพจนเป็นที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตามในปีแรกที่ทีมสุโขทัย เอฟซี บี ลงสนามฟุตบอลในเกมฟุตบอลมืออาชีพ เราไม่ตั้งเป้าไว้สูง เพราะจะเน้นการพัฒนานักกีฬา ให้มีความสมบูรณ์แบบตามแผนของสุโขทัยที่ต้องสร้างนักกีฬาฟุตบอลให้มีความเป็นมืออาชีพ

ทำอะไรให้มองไปข้าง ขอเพียงดีกว่าเดิมแค่ก้าวเดียวถือว่าประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ และการที่สุโขทัยมองข้ามการหนีตกชั้นมุ่งหวังถึงค่อนบนของตารางคะแนนเป็นการมองไปข้างหน้า แต่จะประสบความสำเร็จหรือไม่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน