หลังจากที่ “โค้ชเฮง”วิทยา เลาหกุล ประธานพัฒนาเทคนิคทีมชาติไทย เรียก “โค้ชวุฒิ”นายสราวุฒิ สุขแสวง อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมเยาวชนทีมชาติไทย, “โค้ชดาท”นายธงชัย รุ่งเรืองเลิศ หัวหน้าผู้ฝึกสอนเยาวชนสโมสรฟุตบอลบางกอกกลาส เอฟซี เข้ามาพูดคุยเกี่ยวกับการเข้ารับตำแหน่งผู้ฝึกสอนเยาวชนทีมชาติไทย โดยระหว่างนั้น “น้าฉ่วย”สมชาย ชวยบุญชุม อดีตกุนซือเยาวชนไทยรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปีได้เสนอโปรไฟล์ของตัวเองและแสดงความสนใจคุมทีมชาติด้วย

“น้าฉ่วย” กล่าวว่า “ผมแค่เข้ามาเสนอโปรไฟล์ผลงานของตัวเองที่ผ่านมาว่าทำอะไรบ้างในวงการฟุตบอล ประกอบกับช่วงนี้ยังว่างจากการทำงานในระดับสโมสรจึงอยากกลับเข้ามาทำเยาวชนทีมชาติอีกสักครั้ง โดยการพูดคุยประธานเทคนิคพูดกับผมตรงๆ ว่าได้วางตัวโค้ชเยาวชนในรุ่นต่างๆ ไว้หมดแล้ว ซึ่งผมเข้าใจและยอมรับได้เราคงมาช้าไป แต่ในเมื่อยังไม่ประกาศแต่งตั้งผมคิดว่าฝ่ายเทคนิคควรพิจารณาใหม่”

“อย่างที่ทราบว่าเมื่อก่อนผมคุมทีมเยาวชน 19 ปีและประสบความสำเร็จอย่างดีพาทีมเข้ารอบสุดท้ายชิงแชมป์เอเชีย แต่เสียดายที่มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งโค้ชทำให้ผมไม่ได้ไปคุมในรอบสุดท้ายและไทยต้องตกรอบแรกอย่างน่าเจ็บใจ อย่างไรก็ดีนักเตะชุดนั้นเกือบทั้งหมดก้าวขึ้นสู่ทีมชาติชุดใหญ่เกือบทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น ธนบูรณ์ เกษารัตน์, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา, ชนาธิป สรงกระสินธ์, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม และอีกหลายคนประสบความสำเร็จในอาชีพนักเตะ”

“การเลือกโค้ชทีมชาติผมคิดว่าควรมองที่ประสบการณ์การทำงานมากกว่าใบประกาศบนกระดาษที่บอกว่าผ่านการเรียนโค้ชระดับไหนมา ดูอย่าง ซิโก้ (เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง) ตอนคุมทีมชาติยังไม่จบบี ไลเซนส์ ด้วยซ้ำกลับทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมทำทีมชาติคว้าแชมป์มากมาย ตรงข้ามกับเยาวชนไทยชุด 23 ปีที่เพิ่งตกรอบแรกฟุตบอลเอเชีย ทั้งที่มีใบประกาศโปรไลเซนส์ยุโรปแต่ทำงานไม่ได้ดีกว่าโค้ชไทยคนอื่น”

“การทำงานระดับทีมชาติประธานฝ่ายเทคนิคจะเป็นคนเลือกโค้ช และเมื่อโค้ชทำงานไม่ได้คนเลือกโค้ชต้องรับผิดชอบ ครั้งแรกสามารถพูดได้ว่าเป็นบทเรียน แต่ครั้งนี้หากเลือกโค้ชแล้วยังผิดพลาดอีกจะโทษโค้ชไม่ได้อีกแล้วต้องโทษคนเลือกเท่านั้น”

“ส่วนเยาวชนทีมชาติไทยรุ่นไม่เกิน 23 ปีผมว่าเราเล่นได้ไม่ต่างจากทีมอื่นๆ เท่าไหร่นัก น่าเสียดายที่ต้องตกรอบแรก ขณะที่เวียดนามก้าวถึงรอบชิงชนะเลิศ ตรงนี้มันน่าอาย ถ้าเรามีการทำทีมที่ดีกว่านี้เชื่อว่าจะเข้ารอบลึกๆ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน