การแข่งขันวิ่งมาราธอนระดับเมเจอร์ “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ แบงคอก มาราธอน 2018” เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นรายการนี้เป็นการวิ่งผ่าเมืองปิดถนน 100 เปอร์เซนต์ในช่วงเวลาที่กำหนดยาวที่สุดในเส้นทางกลางเมืองครั้งใหญ่ที่สุดที่ไทยเคยจัดการแข่งขันมา

ปรากฏว่ากระแสตอบรับจากนักวิ่งค่อนข้างดีทีเดียวโดยเฉพาะเป็นการวิ่งผ่านเมืองซึ่งนักวิ่งได้สัมผัสสถานที่สำคัญในเมืองไทยอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตามก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้างมากเนื่องจาการประชาสัมพันธ์เส้นทางการปิดถนนไม่ทั่วถึงทำให้การจราจรในช่วงเช้าวันอาทิตย์แข่งเป็นอัมพาต และซ้ำเติมปัญหาการจราจร เนื่องจากบางเส้นทางมีการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า นอกจากนี้เสียงจากโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆยังตำหนิเรื่องการจัดการวิ่งในเมืองให้น้อยลง และควรจะจัดการแข่งขันในพื้นที่เฉพาะ อีกทั้งเสียงเชียร์ตามเส้นทางยังรบกวนเวลาที่ควรจะเป็นเวลาพักผ่อนของประชาชนทั่วไป

นอกจากนี้ยังมีดราม่าเรื่องเงินรางวัลที่แจกในประเภทต่างๆ โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝ่ายจัดการแข่งขันจะให้นักกีฬาเลือกรับรางวัลเพียงหนึ่งรางวัลเท่านั้น แต่กลับไม่ขยับอันดับรองๆลงไปขึ้นมารับเงินรางวัล อาทิเช่นนักกีฬาที่ได้อันดับ 3 โอเวอร์ออล แต่ได้รางวัลแชมป์คนไทยด้วย หากเลือกรับรางวัลแชมป์คนไทยที่เงินรางวัลสูงกว่า อันดับ 3 โอเวอร์ออลจะยังมีชื่ออยู่ แต่จะไม่แจกรางวัลดังกล่าวออกมา และไม่ขยับอันดับ 4 โอเวอร์ออลขึ้นมารับรางวัลแทน ซึ่งแตกต่างจากรายการวิ่งปกติ

โดยที่กลุ่มนักวิ่งที่รอรับเงินรางวัลต่างประหลาดใจกับหลักเกณฑ์ดังกล่าว และพยายามขอคำชี้แจง และถกเถียงกับฝ่ายจัดการแข่งขันกันพอสมควร ทำให้นักวิ่งต่างชาติ และคนไทย พลาดโอกาสเหล่านี้เป็นจำนวนมาก และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มนักวิ่งค่อนข้างมากเนื่องจากตั้งใจฝึกซ้อมมานานหลายเดือนเพื่อลงแข่งขันในรายการนี้

สำหรับเงินรางวัลมาราธอน ชาย หญิง อันดับ 1 รับ 200,000 บาท อันดับ 2 รับ 100,000 บาท อันดับ 3 รับ 50,000 บาท อันดับ 4 รับ 30,000 บาท อันดับ 5 รับ 20,000 บาท อันดับ 6 รับ 15,000 บาท, อันดับ 7 รับ 12,000 บาท อันดับ 8 รับ 10,000 บาท อันดับ 9 รับ 9,000 บาท อันดับ 10 รับ 8,000 บาท

แชมป์เอเชีย อันดับ 1 รับ 50,000 บาท อันดับ 2 รับ 30,000 บาท อันดับ 3 รับ 20,000 บาท ประเภทนักวิ่งชาวไทย อันดับ 1 รับ 50,000 บาท อันดับ 2 รับ 30,000 บาท อันดับ 3 รับ 20,000 บาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน