ด้วยทักษะ เบสิกลูกหนัง รวมถึงมันสมองอันยอดเยี่ยมจึงไม่น่าแปลกใจที่ “โน๊ต”จักรพันธ์ แก้วพรม กองกลางตัวกลั่นของ “ปราสาทสายฟ้า”บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กลายเป็นกำลังสำคัญของทีมเสมอมาไม่มีขาดหาย พูดภาษาชาวบ้านคงประมาณไม่เจ็บไม่ตายอย่างไรต้องได้ลง

ฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก 2018 เริ่มอย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้วเมื่อช่วงค่ำวันศุกร์ที่ 9 ก.พ. โดยแชมป์เก่าบุรีรัมย์เฝ้าบ้านที่ช้าง อารีนา รับการมาเยือน รูปเกมครึ่งแรกเป็นไปด้วยความอึดอัดและลงเอยด้วยการยังเสมอ 0-0

แต่ครึ่งหลังจากการต่อบอลที่ยอดเยี่ยม การจับบอลที่เนียนตาของ จักรพันธ์ นำมาซึ่งประตูแรกของเกมและเป็นประตูแรกของซีซั่นนี้ แน่นอนเครดิตผู้ทำประตูคงไม่ใช่ใครนั่นคือ จักรพันธ์ แก้วพรม มิดฟิลด์วัยย่าง 30 ปีรายนี้นี่เอง จากประตูดังกล่าวทำให้บุรีรัมย์เคลื่อนเกมได้ง่ายขึ้นก่อนเป็นที่มาของประตูที่สองจากดิโอโก หลุยส์ ซานโต โดยมี จักรพันธ์ เป็นผู้จ่ายถวายพาน พร้อมกับจบเกมในฐานะผู้เล่นยอดเยี่ยม (แมน ออฟ เดอะแมตช์)

บุรีรัมย์เปิดหัวไทยลีกซีซั่นใหม่อาจจะดูหืดจับแต่ทำได้ตามเป้าหมายนั่นคือ 3 คะแนน เส้นทางลีกอาชีพสูงสุดของไทยปีนี้ยังเหลืออีกยาวไกลแต่การเปิดหัวได้ดีถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง ที่สำคัญหากสุดท้ายบุรีรัมย์ก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์ลีกจริง จักรพันธ์ จะเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ลูกหนังอาชีพไทยที่ได้แชมป์มากที่สุดถึง 7 สมัยเพียงหนึ่งเดียว

แต่ไม่ว่าอย่างไร ปัจจุบัน “เจ้าโน๊ต” ยังเป็นหนึ่งเดียวในเรื่องสถิตินักฟุตบอลอาชีพที่ได้แชมป์ลีกสูงสุดนั่นคือ 6 สมัย อันประกอบด้วยแชมป์กับเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในปี 2010 และกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ปี 2011, 2013, 2014, 2015 และปี 2017 ที่ผ่านมา เหนือกว่า ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน กับ สุเขาว์ นุชนุ่ม, รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค, ธีราทร บุญมาทัน, พิชิตพงษ์ เฉยฉิว, สุรัตน์ สุขะ ที่ได้แชมป์ไทยลีกคนละ 5 สมัย

ไม่ว่าซีซั่นนี้จะจบอย่างไร แต่ จักรพันธ์ แก้วพรม กลายเป็นนักเตะคนแรกที่ทำประตูได้ในฤดูกาลนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคงไม่เกินเลยถ้าจะบอกว่า “เจ้าโน๊ต” ได้ตัดริบบิ้นเปิดงานลูกสูงสุดของไทยไปแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน