คณะกรรมการบริหารสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ชุดปัจจุบัน ภายใต้การนำของ “บิ๊กอ๊อด”พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมได้เข้ามาทำหน้าที่ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนก.พ.2559 ถึงเวลานี้เข้าทำงานกว่า 2 ปี จากวาระการทำงาน 4 ปี ถือว่าเกินครึ่งเทอมแล้ว

พล.ต.อ.สมยศ ระบุว่า ตนตั้งใจแต่แรกแล้วว่า เมื่อเข้ามาสู่วงการจะต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และจะพยายามพิสูจน์ว่า แม้ก่อนหน้านี้ จะไม่คุ้นเคยกับวงการฟุตบอล ผิดกับนายกสมาคมฯ คนก่อนๆ ที่อยู่กับวงการฟุตบอลมา แต่ใช้ความสามารถในการบริหารองค์กรของตนให้ประสบความสำเร็จ การทำงานที่ผ่านมา 2 ปี พยายามวางรากฐาน วางระบบต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องของการสร้างนักฟุตบอลรุ่นเด็ก หวังว่าต่อไปในอนาคต ทีมชาติไทยชุดใหญ่จะมีตัวเลือกมากขึ้น ตำแหน่งละ 10 คน ไม่ใช่เรียกตัวทีไรสามารถเดากันได้ว่าใครจะติด ใครจะลงสนาม อย่างไรก็ตามยอมรับว่าผลงานทีมชาติไทยชุดต่างๆ ไม่เข้าเป้านัก ด้วยปัจจัยหลายอย่าง แต่โดยรวมแล้วตนคิดว่าตนสอบผ่าน

อดีตผบ.ตร. กล่าวต่อไปว่า ตนพยายามพัฒนาวงการต่อเนื่อง ถ้าเทียบแล้วจากเดิมที่อาจอยู่ระดับ 0 สร้างขึ้นมาเป็น 1, 2, 3 ดังนั้นหากมีผู้บริหารคนต่อไปเข้ามาทำหน้าที่แทน จะทำต่ำกว่าที่ตนทำไม่ได้ ต้องก้าวไปสู่ 4, 5, 6

“วาระการทำงานที่เหลือ ไม่ว่าปัญหา อุปสรรคอะไร ผมไม่ท้อถอย จะทำมาตรฐานให้ดีที่สุด เมื่อคนอื่นเข้ามาแทน ต้องทำให้ดีกว่าที่ผมทำอยู่ ส่วนการทำงานที่ผ่านมาถามว่าติดใจกับบทบาทในวงการกีฬาฟุตบอลหรือไม่นั้นผมต้องบอกว่าไม่ได้ติดใจหรือหวงตำแหน่ง แต่ช่วงที่อยู่ในหน้าที่จะต้องทำให้ดีที่สุด”

“ส่วนเมื่อครบวาระแล้วจะวางมือหรือลงสมัครนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลต่ออีกสมัย ผมยังตอบไม่ได้ในตอนนี้ ถ้าคิดว่าเป็นนักมวยแชมป์โลกแล้วเลิกชกสละแชมป์เองจะเป็นการลงตำแหน่งอย่างสวยงามกว่าหรือไม่”

ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.สมยศ ได้ลาออกจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทำให้เกิดข้อสงสัยว่ามีความคิดจะลาออกจากตำแหน่งนายกสมาคมลูกหนังก่อนครบวาระด้วยหรือไม่นั้น พล.ต.อ.สมยศ ยืนยันว่า จะทำหน้าที่ประมุขฟุตบอลไทยจนครบวาระแน่นอน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน