พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคฯ ประกาศวางมือจากคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย เผยห่วงมากที่สุดคือเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนในวงการกีฬา
ความเคลื่อนไหวการชิงตำแหน่งประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ คนใหม่ แทนที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งค่ายอัมพวัน กำหนดจัดประชุมใหญ่เพื่อเลือกตั้ง ในวันที่ 25 มีนาคม ที่สำนักงานบ้านอัมพวัน เริ่มตั้งแต่เวลา 09.30 น. เป็นต้นไป โดยจนถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ มีผู้ที่ประกาศลงชิงตำแหน่ง 2 คนด้วยกัน คนแรก นายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม นายกสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทยฯ ซึ่งคนในวงการกีฬาทราบดีว่า เป็นตัวแทนของกลุ่มขั้วอำนาจเก่าในบ้านอัมพวัน คนที่สอง นายพิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย โดยทั้งสองคนดังกล่าวต่างอ้างเป็นตัวแทนจากฝ่ายการเมืองด้วยกันทั้งคู่
ล่าสุด “เสธ.น้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคฯ ชุดปัจจุบัน เปิดเผยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการกีฬาไทย อยากฝากถึง 37 สมาคมให้พิจารณาเลือกคนที่มีวิสัยทัศน์ มองการณ์ไกล ไม่ใช่เข้ามาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้ตัวเองและพวกพ้อง พูดถึงความเหมาะสมของคนที่จะมาดำรงตำแหน่ง ต้องใจกว้าง เสียสละ ในการทำงานให้กับโอลิมปิคได้ มองอนาคตลูกหลาน และมีมิตรภาพกับคนทั่วโลก หมายความว่า คนที่จะมาเป็นประธานต้องมีมิตรสัมพันธ์ที่ดีกับองค์กรกีฬาระดับนานาชาติ ทั้งคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี), สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) และองค์กรกีฬาในภูมิภาค เพื่อผลักดันวงการกีฬาไทยให้ก้าวหน้าต่อไป
“สิ่งผมที่ห่วงมากที่สุดคือเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนในวงการกีฬา ซึ่งรูปแบบผลประโยชน์ในวงการกีฬา เช่น การกินค่าหัวคิวเบี้ยเลี้ยงนักกีฬาแทนที่เขาจะได้ 100 บาท แต่กลับได้ 50 บาท การแสวงหาผลประโยชน์จากการจัดซื้อจัดจ้าง การทุจริตเรื่องตั๋วเครื่องบิน เช่น การเปลี่ยนจากเครื่องลำใหญ่เป็นลำเล็กเพื่อเอาส่วนต่าง” พล.อ.วิชญ์ กล่าว
พล.อ.วิชญ์ กล่าวต่อไปว่า คณะกรรมการโอลิมปิคฯ มีรายได้หลักมาจากรับเงินสนับสนุนจากไอโอซี และโอซีเอ รวมแล้วประมาณ 19 ล้านบาทต่อปี และมีค่าใช้จ่ายประมาณ 13 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งเบี้ยเลี้ยงนักกีฬา ค่าเดินทาง และสวัสดิการต่างๆ รวมถึงเงินรางวัลสำหรับนักกีฬาที่ได้เหรียญรางวัล ซึ่งจะได้รับเงินเดือนไปตลอดชีวิต
“แคนดิเดตที่เปิดตัวมาทั้งสองคน ผมไม่ขอเปรียบเทียบหรือสนับสนุนใครเป็นพิเศษ แต่เห็นว่าผู้ที่จะได้รับเลือกควรเป็นบุคคลที่มีความเสียสละ และตั้งใจพัฒนาวงการกีฬาอย่างแท้จริง ผมตอนนี้วัย 75 ปี มีความประสงค์จะขอพักผ่อนหลังจากทำหน้าที่เลขาธิการมาอย่างยาวนาน และหวังว่าจะมีคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถและความทุ่มเทเข้ามาสานต่องานต่อไป เพื่อความก้าวหน้าของวงการกีฬาไทยในอนาคต” เสธ.น้อยกล่าว