นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KTBST ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (28 พ.ค.-1 มิ.ย.) ว่า ปัจจัยสำคัญอยู่ที่เรื่องของทิศทางกระแสเงินลงทุน (Fund Flow) ซึ่งเป็นผลมาจากเรื่องผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond Yield) และค่าเงินดอลลาร์ (Dollar Index) ซึ่ง Bond Yield 10 ปี ของสหรัฐฯ สัปดาห์ที่ผ่านมาอ่อนตัวลงจาก 3.05% มาอยู่ที่ 2.93% จากการที่ Fed ระบุว่าอาจไม่ได้เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย (คาดยังเป็น 3-4 ครั้งในปีนี้) KTBST มองว่าเป็นตัวช่วยของตลาด แต่ค่าเงินดอลลาร์ที่เดินหน้าแข็งค่าต่อจาก 93.6 เป็น 94.2 จุด เป็นตัวกดดันต่อตลาด

โดย KTBST ประเมินว่าเงินลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศยังคงไหลออกจากตลาดหุ้นเอเชียต่อไป ส่วนหนึ่งมาจากการปรับพอร์ตหรือขายเพื่อรับการนำหุ้น A-share ของจีน 234 ตัว เข้าคำนวนดัชนี MSCI Emerging Market ซึ่งจะมีผลในวันที่ 31 พ.ค. หุ้นไทยที่เข้าคำนวณดัชนีฯตัวนี้ คือ LH

ทั้งนี้ ยังคงกรอบดัชนีฯสัปดาห์นี้เหมือนสัปดาห์ก่อนคือที่ระดับ 1,720-1,780 จุด การที่ตลาดมีแรงซื้อกลับเมื่อดัชนีลงไปแตะระดับ 1,725 จุดในสัปดาห์ก่อน เป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้ตลาดหุ้นไทยมากขึ้น ขณะที่ปัจจัยหนุน คือ ตัวเลข GDP และแนวโน้มศรษฐกิจที่ยังดี รวมถึงคาดการณ์ว่าผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 30 พ.ค. น่าจะเป็นบวกต่อตลาด อย่างไรก็ตาม แรงกดดันในเชิงลบคือแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศที่คาดยังมีต่อ และราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเป็นตัวแปรใหม่ของตลาด

โดยราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มอ่อนตัวลงเป็นลบต่อหุ้นน้ำมัน-ปิโตรเคมี ซึ่งกลุ่ม OPEC และรัสเซีย พยายามรักษาสมดุลระหว่างความต้องการใช้น้ำมันดิบกับเงินเฟ้อหลังพบว่า supply น้ำมันดิบอาจลดลงจากการคว่ำบาตรอิหร่านกับเวเนซูเอลล่า จึงมีการเล็งเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบ อาจถึง 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน (สรุปผล 22 มิ.ย.) กลายเป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำมันดิบ แต่มุมมองในทางบวก คือ ความกังวลเงินเฟ้อจะลดลง แต่หุ้นน้ำมัน-ปิโตรเคมี ของไทยอาจปรับตัวลดลงหรือถูกลดความน่าสนใจตามราคาน้ำมันที่ลดลง

สำหรับกลยุทธ์ลงทุนสัปดาห์นี้ KTBST มองว่า ด้วยตลาดที่ยังมีผันผวนสูงต้องระมัดระวัง หากดัชนีฯจะหลุด 1,720 จุด ลงไป รวมถึงจากปัจจัยลบที่มีอยู่หลายตัว จึงยังคงแนะนำลดการถือหุ้นที่ซื้อขายด้วย P/E เกินปกติ เลี่ยงหุ้นน้ำมัน-ปิโตรเคมี การปรับพอร์ตช่วงนี้แนะนำหุ้น 4 รูปแบบ คือ หุ้นที่พื้นฐานดี ราคาลงมามาก เช่น KBANK, CPF, BH, BGRIM หุ้นที่อิงเรื่องการเลือกตั้ง แนะนำ WHA, STEC, BEM รวมทั้งหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว อย่าง TRUE หุ้นที่เป็นที่พักเงินและให้ผลตอบแทนเงินปันผลที่ดีแนะนำ LH และ BTSGIF ซึ่งให้ Dividend Yield ประมาณ 6% (ข้อมูลอดีต)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน