สรุปภาวะตลาดหุ้นไทย (SET) วันพุธที่ 13 มิถุนายน 2561 ปิดที่ 1,718.34 จุด ปรับตัวลดลง -8.95 จุด คิดเป็น -0.52% จุดสูงสุดอยู่ที่ 1,728.54 จุด จุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,716.38 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 43,221.77 ล้านบาท ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 1,128.55 จุด ปรับตัวลดลง -6.56 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลง 0.01% ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อแถลงการณ์ร่วมในการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งมีความคลุมเครือและยังขาดรายละเอียดที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดในแดนบวกหลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุน
ตลาดหุ้นยุโรปเปิดปรับตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ และการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพรุ่งนี้ และธนาคารญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้เช่นกัน
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดปรับตัวลง 0.97% หลังจากธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ยอดการปล่อยเงินกู้ล็อตใหม่สกุลเงินหยวนปรับตัวลดลงในเดือนพ.ค.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดบวก 0.38% เนื่องจากเงินเยนที่อ่อนค่าช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออกดีดตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจำนวนหนึ่งได้ชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟด ในวันนี้
โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
1. PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,649.10 ล้านบาท ลดลง -0.50 บาท คิดเป็น -0.97%
2. AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,772.33 ล้านบาท ลดลง -0.75 บาท คิดเป็น -1.10%
3. BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,558.84 ล้านบาท ไม่เปลี่ยนแปลง
4. CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,331.89 ล้านบาท ลดลง -1.00 บาท คิดเป็น -1.24%
5. KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,327.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +0.50 บาท คิดเป็น +0.25%
ดัชนียังคงดีดกลับไม่ได้หลังจากถูกขายลงมาในวันก่อนหน้า ซึ่งกราฟทำรูปแบบของโดจิ ทำให้ดัชนีมีการอ่อนตัว จึงทำให้เกิดภาพของ Head and Shoulder ย่อยๆ ในกราฟรายวัน โดยมีแนวรับเพื่อจบรูปแบบของ H&S ดังกล่าวที่ 1,716 จุดและเผื่อ error ที่ 1,711-1,710 จุด หากดัชนีประคองตัวที่ระดับดังกล่าวไม่ได้ ดัชนีอาจจะถอยลงมาหลุดต่ำกว่าระดับ 1,700 จุดได้ต่อไป ในขณะที่แนวต้านอยู่แถวๆ 1,722-1,725 จุดและ 1,736 จุด
บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด
