สรุปภาวะตลาดหุ้นไทย (SET) วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน 2561 ปิดที่ 1,709.86 จุด ปรับตัวลดลง -8.48 จุด คิดเป็น -0.49% จุดสูงสุดอยู่ที่ 1,715.65 จุด จุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,699.66 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 59,741.75 ล้านบาท ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 1,121.70 จุด ปรับตัวลดลง -6.85 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลง 0.47% หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในปีนี้ พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้

ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดอ่อนตัวลง โดยนักลงทุนต่างจับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรปในวันนี้

ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดตลาดอ่อนตัวลง 0.18% ภายหลังจากที่จีนได้เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวลง

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงลง 0.99% เนื่องจากนักลงทุนเริ่มกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากสื่อรายงานว่า สหรัฐเริ่มกระบวนการตามแผนเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน

โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
1. PTT มูลค่าการซื้อขาย 5,207.89 ล้านบาท ไม่เปลี่ยนแปลง
2. SCC มูลค่าการซื้อขาย 3,334.40 ล้านบาท ลดลง -10.00 บาท คิดเป็น -2.25%
3. PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 2,838.49 ล้านบาท ลดลง -2.75 บาท คิดเป็น -3.18%
4. KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,355.53 ล้านบาท ไม่เปลี่ยนแปลง
5. AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,017.51 ล้านบาท ลดลง -0.25 บาท คิดเป็น -0.37%

ดัชนีมีการปรับตัวลดลงต่อในลักษณะเปิด GAP เอาไว้เล็กน้อย ก่อนที่ดัชนีจะไหลซึมลงต่อเนื่องจนกระทั่งในช่วงบ่ายหลุดลงมาทำ New low และหลุดระดับ 1,700 จุดลงไปเล็กน้อย ก่อนที่ดัชนีจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาประคองตัวปิดเหนือแนวรับที่ระดับ 1,704 จุดได้

ซึ่งวันนี้หากดัชนีประคองตัวยืนเหนือแนวรับจิตวิทยาที่ระดับ 1,700 จุดไม่ได้ต่อเนื่อง ดัชนีน่าจะซึมลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1,685 จุดได้ต่อไป สำหรับแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1,710-1,711 จุดและ 1,716 จุด

บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน