นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการดำเนินงานของบริษัท กรุงศรี บริการเช่าสินเชื่อ จำกัด (เคแอลเอส) หรือ กรุงศรีลีสซิ่ง ซึ่งดำเนินธุรกิจเช่าซื้อในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ว่า เคแอลเอส ตั้งเป้าการเติบโตธุรกิจระยะกลาง (2561-2563) ด้วยอัตราเติบโตยอดสินเชื่อใหม่เป็น 4,000 ล้านบาท, 5,000 ล้านบาท และ 5,000 ล้านบาท ตามลำดับ โดยเติบโตเฉลี่ย 27% ต่อปี และยอดสินเชื่อคงค้างเติบโตเป็น 6,000 ล้านบาท ,8,500 ล้านบาท และ 9,900 ล้านบาทตามลำดับ หรือเติบโตเฉลี่ย 31% ต่อปี
ทั้งนี้ การรุกตลาดเช่าซื้อในลาว เมื่อ 3 ปีก่อนโดยเริ่มจากปี 2557 พบว่า ผู้บริโภคในลาวมีการเติบโตของเช่าซื้อรถยนต์ค่อนข้างสูง จากปี 2557 มีการขอสินเชื่อประมาณ 30% ของยอดเช่าซื้อ ในปี 2560 มีการเช่าซื้อเติบโตของยอดขอสินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็น 60% ของยอดขายรถ ซึ่งเกิดจากความนิยม มูลค่าสินเชื่อรวมเติบโตประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยยอดสินเชื่อใหม่ระหว่างปี 2558-2560 เติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี 97% ในปีที่ผ่านมามียอดสินเชื่อใหม่ 2,560 ล้านบาท จากผลิตภัณฑ์กรุงศรี นิว คาร์ และกรุงศรี เฟิร์สช้อยส์ ส่งผลให้ยอดสินเชื่อคงค้างรวมที่ 4,458 ล้านบาท อัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี 243% ด้านจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยจากปี 2559 ที่มีจำนวน 6,707 คนเป็น 14,657 คนในปี 2560 เป็นสัดส่วนลูกค้ารถยนต์ 66% สินเชื่อส่วนบุคคล 32%
“ตลาดสินเชื่อที่ลาวยังขยายตัวได้ดีจากจีดีพีที่ยังเติบโตได้สูงคาดการณ์ว่าปีนี้จะเติบโตได้ 7% และแนวโน้มยังเติบโตได้ดีอยู่จากเงินลงทุนต่างประเทศที่เข้าไปต่อเนื่อง และสัดส่วนของผู้ซื้อรถยนต์ด้วยเงินสดและสินเชื่ออยู่ที่ 40 ต่อ 60 ซึ่งยังขยายตลาดได้อีก โดยความท้าทายของตลาดในลาวไม่ใช่เรื่องการแข่งขันด้านราคา แต่เป็นเรื่องการดูแลขั้นตอนให้รวดเร็ว สะดวกกับลูกค้าและคู่ค้า เพื่อให้สามารถขยายตลาดได้มากขึ้น โดยปัจจุบันเรามีสำนักงานใหญ่กรุงศรีลีสซิ่ง ที่นครหลวงเวียงจันทน์ และมีสาขาที่ปากเซ และยังมองพื้นที่ขยายออกไปยังหัวเมืองอื่นๆ เพิ่มขึ้น”
นายไพโรจน์ กล่าวว่า ส่วนภาพรวมสินเชื่อรถยนต์ในประเทศไทย ในปีนี้เชื่อว่ามีการเติบโดได้เกินเป้าที่ตั้งไว้ทั้งปี 4% แต่ใน 5 เดือนแรกของปีนี้ มียอดขายรถยนต์เติบโตประมาณ 12% เกิดจากกำลังซื้อในประเทศไทยมีการปรับตัวดีขึ้น แบบก้าวกระโดดเนื่องจากมีการนำเทคโนโลยี เข้ามาช่วย แต่จะมีการปรับเป้าทั้งปีหรือไม่นั้นต้องรอสักระยะ
ส่วนผลกระทบจากประกาศของสำนักคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ว่าด้วยเรื่องให้ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญาพ.ศ. 2561 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ 1 ก.ค. 2561 นั้น ยอมรับว่ามีผลต่อการดำเนินงานของบริษัทในด้านของเอกสารแนบและการติดตามหนี้ซึ่งอยู่ระหว่างการปรับขั้นตอนต่างๆให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ดังกล่าว
