สรุปภาวะตลาดหุ้นไทย (SET) วันอังคารที่ 17 กรกฏาคม 2561 ปิดที่ 1,626.07 จุด ปรับตัวลดลง -1.62 จุด คิดเป็น -0.10% จุดสูงสุดอยู่ที่ 1,629.18 จุด จุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,616.59 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 47,970.32 ล้านบาท ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 1,068.09 จุด ปรับตัวลดลง -0.95 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดบวก 0.18% โดยได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นธนาคาร หลังจากแบงก์ ออฟ อเมริกา เปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 2 อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงกว่า 4% ขณะที่นักลงทุนส่วนหนึ่งได้ชะลอการซื้อขายก่อนที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสในวันนี้
ตลาดหุ้นยุโรป เปิดตลาดขยับลงเล็กน้อย ในขณะที่นักลงทุนให้ความสนใจกับการรายงานผลประกอบการของบริษัทต่างๆ รวมทั้งแถลงการณ์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐในวันนี้
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดตลาดอ่อนตัวลง 0.57% ภายหลังจากที่จีนได้เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวเมื่อวานนี้
ดัชนีนิกเกอิตลาด หุ้นโตเกียว ปิดดีดตัวขึ้น 0.44% โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นที่อ่อนไหวต่ออุปสงค์ภายในประเทศ แม้นักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่า หุ้นกลุ่มส่งออกอาจได้รับผลกระทบจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
1. AOT มูลค่าการซื้อขาย 4,625.29 ล้านบาท ลดลง -1.75 บาท คิดเป็น -2.77%
2. KTC มูลค่าการซื้อขาย 4,084.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +5.90 บาท คิดเป็น +25.54%
3. PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,887.02 ล้านบาท ลดลง -5.00 บาท คิดเป็น -3.70%
4. PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,807.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +0.25 บาท คิดเป็น +0.53%
5. TISCO มูลค่าการซื้อขาย 1,897.26 ล้านบาท ลดลง -0.50 บาท คิดเป็น -0.67%
ดัชนีมีการปรับตัวลดลงต่อเนื่องทำ New low หลังจากในช่วงเช้าดัชนีมีการดีดกลับขึ้นทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันแต่ยืนปิดเหนือไม่ได้และถูกขายทำกำไรกลับลงมา แต่ในช่วงบ่ายเริ่มมีแรงซื้อกลับดันให้ดัชนีขยับขึ้นมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันได้ แต่ก็ยังปิดในช่วงท้ายตลาดไม่ได้อยู่ดี
โดยวันนี้(18) ดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ หากผ่านแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันแถวๆ 1,635 จุดได้ ดัชนีมีลุ้นขยับขึ้นที่จุดสูงสุดเดิมและเส้น BollingerTop แถวๆ 1,649-1,656 จุดได้ต่อไป ในขณะที่แนวรับอยู่ที่จุดต่ำสุดที่ 1,616 จุด ไม่หลุดลงมาทำ New low ซะก่อน ยังมีโอกาสรีบาวด์กลับได้อีกครั้ง
บริษํทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด
