บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์ (4-6 ม.ค. 2560) เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องในสัปดาห์ทำการแรกของปี 2560 โดยทดสอบระดับ 35.70 บาทต่อดอลลาร์ ท่ามกลางสถานะซื้อสุทธิหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่ เงินดอลลาร์ ก็เคลื่อนไหวในทิศทางที่อ่อนค่าตามการปรับโพสิชั่นของนักลงทุนก่อนการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ รวมถึงแรงขายเมื่อเทียบกับเงินหยวน หลังจากที่ธนาคารกลางจีนได้ประกาศอัตราอ้างอิงค่าเงินหยวนประจำวันในระดับที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งเป็นทิศทางที่สอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยสกุลเงินหยวนในตลาดออฟชอร์ สำหรับในวันศุกร์ (6 ม.ค. 2560) เงินบาทอยู่ที่ 35.68 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าเมื่อเทียบกับระดับ 35.80 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (30 ธ.ค. 2559)
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (9-13 ม.ค. 2560) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 35.60-35.90 บาทต่อดอลลาร์ โดยจุดสนใจของตลาดน่าจะอยู่ที่ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด (ซึ่งรวมถึงนางเจเน็ต เยลเลนประธานเฟด) และการแถลงข่าวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ขณะที่ ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ดัชนีราคาผู้ผลิต เดือนธ.ค. สต๊อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนม.ค. นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามสถานการณ์ค่าเงินหยวน และตัวเลขเศรษฐกิจเดือนธ.ค. ของจีนด้วยเช่นกัน
ส่วนดัชนีหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้น หลังปีใหม่ โดยมีแรงหนุนจากการซื้อหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,571.48 จุด เพิ่มขึ้น 1.85% จากสัปดาห์ก่อน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน เพิ่มขึ้น 107.32% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 65,220.57 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 632.90 จุด เพิ่มขึ้น 2.70% จากสัปดาห์ก่อน
ตลาดหุ้นไทยเปิดทะยานขึ้นในวันพุธ ก่อนที่จะขยับขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ท่ามกลางการปรับขึ้นของหุ้นขนาดใหญ่ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติทยอยกลับเข้าซื้อหุ้นไทยอีกครั้ง สวนทางกับการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ หลังบันทึกการประชุมเฟดยังคงส่งสัญญาณถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (9-13 ม.ค. 2560) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,550 และ 1,535 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,580 และ 1,590 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ขณะที่ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (เบื้องต้น) ส่วนปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในยูโรโซน และข้อมูลการค้าของจีน