นายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มทิสโก้ เปิดเผยว่า ในปี 2560 กลุ่มทิสโก้ยังเดินหน้าขยายฐานลูกค้าในทุกกลุ่ม ทั้งลูกค้ารายย่อย ลูกค้าธนบดีธนกิจ (ลูกค้าบุคคลพิเศษ) และลูกค้าบรรษัท โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ารายย่อยจะให้บริการด้านการเงินที่มุ่งขยายธุรกิจสินเชื่อครอบคลุมทั่วประเทศผ่านการขยายสาขาธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ภายใต้แบรนด์ สมหวัง เงินสั่งได้ เพื่อขยายฐานไปสู่ระดับรากหญ้าให้มากขึ้น โดยปัจจุบันมีสาขาของสมหวังเงินสั่งได้ อยู่ 150 สาขา ตั้งเป้าจะขยายให้ได้ 50 สาขาต่อปี ดังนั้นถึงสิ้นปีนี้จะมีทั้งหมด 200 สาขาทั่วประเทศ

พร้อมกันนี้จะรักษาจุดยืน Top Advisory House (ผู้ให้คำปรึกษา)ในด้านธุรกิจธนบดีและจัดการกองทุน อีกทั้งหาพันธมิตรทางธุรกิจและร่วมมือระหว่างสายธุรกิจเพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้า โดยในช่วงปลายปีที่แล้ว ทิสโก้บรรลุข้อตกลงในการถ่ายโอนธุรกิจลูกค้ารายย่อยจากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์ตเตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) ทั้งลูกค้ารายย่อยสินเชื่อการเคหะ, บุคคล และบัตรเครดิต ซึ่งจะเข้ามาช่วยเสริมแกร่งด้านธุรกิจรายย่อย และการควบรวมดังกล่าวช่วยเพิ่มขนาดฐานลูกค้าสินเชื่อรายย่อยเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจรและช่องทางการให้บริการที่ครอบคลุมตอบโจทย์ความต้องการลูกค้ารายย่อยมากขึ้น โดยการถ่ายโอนดังกล่าวคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปีนี้

สำหรับผลประกอบการของกลุ่มทิสโก้ ปี 2559 มีกำไรสุทธิ 5,005.40 ล้านบาท ถือเป็นปีแรกที่แตะเกิน 5,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17.8% เมื่อเทียบกับปี 2558 มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลัก ประกอบกับค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญที่ลดลงจากปีก่อนหน้า รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 7.8% จากความสามารถในการรักษาอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรวม และการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ส่วนเงินสินเชื่อรวมของกลุ่มทิสโก้ ณ วันที่ 31 ธ.ค.2559 มีจำนวน 224,934 ล้านบาท ลดลง 5.6% เพราะได้รับผลกระทบจากการอ่อนตัวของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ด้วยภาวะการบริโภคภาคครัวเรือนที่ซบเซา และยอดขายภายในประเทศที่ยังชะลอตัว

ส่วนปี 2560 เบื้องต้นตั้งเป้าหมายสินเชื่อรวมของกลุ่มทิสโก้ไว้ทรงตัวเท่ากับปี 2559 เพราะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ซึ่งคิดเป็น 60% ของสินเชื่อทิสโก้ ยังทรงตัวและใกล้เคียงกับปี 2559 ที่ 8 แสนคัน ด้วยภาพรวมตลาดรถยนต์จะยังไม่ดีขึ้น หลังจากที่ตลาดรวมตกลงเป็นปีที่ 5 ติดต่อกันในปีที่ผ่านมา แต่ปีนี้น่าจะกระเตื้องขึ้นบ้าง จากการครบ 5 ปีโครงการรถคันแรก และน่าจะมีผู้บริโภคบางส่วนเปลี่ยนรถยนต์คันใหม่ ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจปีนี้ไม่น่าจะแตกต่างจากปีที่แล้วประเมินว่าจีดีพีจะขยายตัว 3-3.5% ส่วนอัตราเงินเฟ้อจะขยับตามราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น แต่ไม่น่ากังวลมากนัก ขณะเดียวกันอัตราดอกเบี้ยต้องดูธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นสำคัญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน