บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์ (11-14 ธ.ค. 2561) สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท เงินบาทแข็งค่าขึ้น แต่การเคลื่อนไหวระหว่างสัปดาห์ยังคงอยู่ในกรอบแคบ โดยเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับทิศทางค่าเงินหยวนและสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนลงบางส่วน หลังมีรายงานข่าวระบุว่า จีนอาจพิจารณาปรับลดอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐฯ

อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ หลัง ECB ปรับลดตัวเลขประมาณการอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจยูโรโซนลง ประกอบกับน่าจะมีแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ฯ เพื่อปรับโพสิชันก่อนการประชุมเฟด (18-19 ธ.ค.) ด้วยเช่นกัน ในวันศุกร์ (14 ธ.ค.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 32.77 เทียบกับระดับ 32.84 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (7 ธ.ค.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (17-21 ธ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.60-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยตลาดในประเทศน่าจะมีจุดสนใจอยู่ที่ผลการประชุมนโยบายการเงินของกนง. (19 ธ.ค.) ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่รอติดตาม ประกอบด้วย ผลการประชุม FOMC และสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าของธนาคารกลางสหรัฐฯ (18-19 ธ.ค.) ผลการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่นและธนาคารกลางอังกฤษ รวมถึงสถานการณ์ข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน และประเด็น BREXIT

ขณะที่ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญในระหว่างสัปดาห์ ประกอบด้วย ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค. ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสอง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้-รายจ่ายส่วนบุคคล และอัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก Core PCE Price Index เดือนพ.ย. ข้อมูลเงินทุนไหลเข้าสุทธิเดือนต.ค. และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2561

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงลงจากสัปดาห์ก่อน โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับที่ 1,609.45 จุด ลดลง 2.46% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่ มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลง 2.28% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 44,188.00 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai ลดลง 3.33% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 384.24 จุด

ดัชนีตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงขายเกือบตลอดสัปดาห์จากกลุ่มนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติ โดยในช่วงต้นสัปดาห์ตลาดได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของประเทศแกนหลักของโลก และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน อย่างไรก็ดี ดัชนีฯ ฟื้นตัวขึ้นในระยะสั้นๆ หลังความกังวลดังกล่าวคลี่คลายลง ก่อนจะร่วงลงอีกครั้งในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ หลังมีรายงานว่า ปตท.สผ. ชนะการประมูลทั้งแหล่งบงกช-เอราวัณ ด้วยค่าคงที่ราคาก๊าซซึ่งถือว่าต่ำกว่าคาด

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (17-21 ธ.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,600 และ 1,585 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,620 และ 1,630 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ การประชุมนโยบายการเงินของเฟด (18-19 ธ.ค.) รวมถึงการประชุมนโยบายการเงินของกนง. (19 ธ.ค.) ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2561 ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสอง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รวมถึงรายได้และรายจ่ายส่วนบุคคลเดือนพ.ย. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น และธนาคารกลางอังกฤษ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน