บล.บัวหลวงมองตลาดหุ้นปีหน้าไร้ทิศทาง ไม่สดใส นักลงทุนจะซื้อหุ้นแบบกล้าๆ กลัวๆ ขาดความมั่นใจ แนะหลีกเลี่ยงหุ้นอสังหาริมทรัพย์-รับเหมาก่อสร้าง

ตลาดหุ้นปีหน้าไร้ทิศทาง – นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์บุคคล บล.บัวหลวง เปิดเผยว่ามุมมองตลาดหุ้นไทยปี 2562 ทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดยังไร้ทิศทาง ทำให้สภาวะตลาดไม่สดใสมากนัก โดยนักลงทุนจะซื้อหุ้นแบบกล้าๆ กลัวๆ ขาดความมั่นใจ ทั้งนี้ คงต้องรอเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ มาสร้างเซ็นติเม้นท์ หรือบรรยากาศการลงทุนเพื่อให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจ ดังนั้นคำแนะนำสำหรับนักลงทุนในปีหน้า ให้สร้างพอร์ตการลงทุน โดยให้น้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน 40% เพื่อรับผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ย และเงินปันผล ส่วนการลงทุนทองคำ 5% ถือเงินสด 5% ขณะที่ลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นเหลือ 50% จาก 70% ในช่วงตลาดหุ้นคึกคักที่สุดในปี 2559

โดยมองว่าปีหน้าปัจจัยที่จะกระทบตลาดหุ้นโลกและตลาดหุ้นไทยยังไม่มีปัจจัยใหม่ อีกทั้งคงต้องรอการประชุมการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ รอบใหม่ในเดือนก.พ.ปีหน้า อย่างไรก็ดี บนสมมติฐานที่แย่สุด หากสหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากจีนทุกรายการ 25% จะทำให้เศรษฐกิจโลก (จีดีพี) ลดลง 0.49% มาอยู่ที่ 3.8% จากปีนี้ที่คาดว่าจีดีพีโลกจะโต 3.9% ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจไทยปีหน้าคาดว่าจะเติบโตแบบชะลอตัว โดยจีดีพีไทยปีนี้ 4.2% ปีหน้า 4% เป็นผลจากการค้าระหว่างประเทศลดลง และการท่องเที่ยวลดลง จากผลกระทบเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง

ส่วนทิศทางดอกเบี้ยคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยเหลือ 2 ครั้งในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า จากก่อนหน้านี้คาดว่าจะขึ้น 3-4 ครั้งไปถึงไตรมาส 3 ดังนั้นจะทำให้การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ผ่านจุดสูงสุดแล้วเมื่อเทียบเงินเอเชีย และคาดหวังเม็ดเงินลงทุนต่างชาติจะกลับเข้ามาในตลาดเอเชีย

“ตลาดดูจะกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะหดตัว แม้นักวิเคราะห์มองว่าจะเกิดในปี 2563 ซึ่งถ้าดูจากสถิติ 2-3 รอบที่ผ่านมา ทุกครั้งที่นักลงทุนกังวลจะมีผลทำให้ตลาดหุ้นเอเชียลดลงสูงสุด 25% จากเม็ดเงินถอนออกจากเอเชีย และไม่มีประเทศใดมีผลตอบแทนเป็นบวก และปีนี้แม้แต่ตลาดหุ้นอเมริกา ผลตอบแทนติดลบ รวมถึงตลาดน้ำมันด้วย ฉะนั้นปีนี้เป็นปีที่การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมีกำไรลดลง นำโดยเกาหลี ไต้หวัน ติดลบเกือบ 20% ไทยกับญี่ปุ่นปรับตัวลง 8% อินเดีย ทั้งดัชนีหุ้นลดลง และค่าเงินลดลงทำให้ผลตอบแทนลดลง 18%”นายชัยพร กล่าว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เริ่มมีสัญญาณเชิงบวกจากต่างชาติเริ่มซื้อสุทธิหุ้นเอเชีย ตั้งแต่เดือนพ.ย. ทำให้คาดว่าปีหน้านักลงทุนต่างชาติจะกลับมาซื้อหุ้นเอเชียต่อเนื่อง บนพื้นฐานการเติบโตของเศรษฐกิจเอเชีย ไม่รวมญี่ปุ่น ปีหน้าเติบโต 6.2% เท่าปีนี้ ซึ่งถือว่ายังเติบโตดี ค่าเงินเอเชียแข็งค่าขึ้น รัฐบาลเอเชียสามารถอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี ด้วยเหตุผลที่หนี้สาธารณะต่ำกว่า 60% ของจีดีพี ซึ่งเป็นเสน่ห์ของตลาดหุ้นเอเชีย

สำหรับคาดการณ์กำไรสุทธิบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ปี 2562 คาดว่าจะเติบโตอยู่ที่ 7.2% หรือเฉลี่ย 117.7 บาท/หุ้น จากปีนี้เติบโตเกิน 9% หรือ 107.9 บาท/หุ้น ซึ่งลดลงจากเป้าหมายเดิมที่ประเมินตั้งแต่ต้นปี 115 บาท/หุ้น จาก 9 เดือนแรกเติบโตแล้ว 11% โดยปีหน้ามองว่าในแง่ของบริษัทขนาดใหญ่ SET 100 กำไรยังเติบโตได้ดี โดยเฉพาะกำไรของโรงไฟฟ้า ธนาคาร การลงทุนภาคเอกชน แต่ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว หลังประเด็นจีนจบจะเห็นการกลับมาในปีหน้าเริ่มดีขึ้น ซึ่งเดือนม.ค.-ก.พ.ปีหน้า ตัวเลขการจองห้องพักของนักท่องเที่ยวดีขึ้นมาก

ส่วนดัชนีหุ้นไทยปีหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ 1,817 จุด บนอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไร สุทธิ หรือพี/อี ที่ 15.8 เท่า แนวรับที่ 1,550 จุด ขณะที่เป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปีนี้ที่ 1,730 จุด ณ ระดับดัชนีหุ้นปัจจุบันที่ 1,580 จุด ถ้ามองบนกำไรปีหน้า ระดับดัชนีในปัจจุบันอยู่ที่พีอี 13.5 เท่า ดังนั้นเป็นจังหวะดีเข้าลงทุน สำหรับหุ้นกลุ่มที่น่าลงทุน กลุ่มนอนแบงก์ หรือคอนซูเมอร์ไฟแนนซ์ ศรีสวัสดิ์เงินติดล้อ เมืองไทยลิสซิ่ง เคทีซี และ อิออน โดยมองกำไรนอนแบงก์ 20% ขึ้นไป

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มธนาคาร นิคมอุตสาหกรรม หุ้นเด่น อมตะ และดับบลิวเอชเอ ตลอดจนกลุ่มท่องเที่ยว เพราะมองไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนมา ก็ชูเรื่องท่องเที่ยว หุ้นแนะนำ ท่าอาศยาน หรือ AOT และ CENTEL รวมถึงหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี แนะนำหุ้น IVL PTTGC กลุ่มพาณิชย์ CPALL CPN

ส่วนหุ้นที่หลีกเลี่ยง อสังหาริมทรัพย์ ประเภทที่อยู่อาศัย เนื่องจากมาตราการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทำให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ และการขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงยอดซื้ออสังหาฯ ของนักลงทุนจีน จะชะลอตัวลง นอกจากนี้ แนะหลีกเลี่ยงหุ้นหลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เพราะจากสถิติ 6 เดือน หลังเลือกตั้งการเปิดประมูลจะชะลอตัว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน