นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวหลังคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(FOMC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 0.25 – 0.50 ว่าเงินบาทและเงินสกุลภูมิภาคส่วนใหญ่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นบ้าง แต่ไม่รุนแรงมากนัก เนื่องจากผลการประชุมเป็นไปตามที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ กอปรกับในแถลงการณ์ของธนารคารกลางสหรัฐ หรือ‘เฟด’เริ่มแสดงความมั่นใจถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เข้มแข็งขึ้น รวมทั้งกล่าวถึงความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้

ในส่วนของเงินบาทแข็งค่าขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยช่วงเช้าเคลื่อนไหวในช่วง 34.64 – 67 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. หรือแข็งค่าขึ้นประมาณ 0.3% จากวานนี้ ขณะที่ความผันผวนปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 3.5% สำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยปรับลดลงเล็กน้อย สอดคล้องกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ การแข็งค่าของเงินสกุลต่างๆ ในวันนี้น่าจะเป็นการตอบสนองของตลาดในระยะสั้นเท่านั้น แต่ในระยะยาวยังคงต้องติดตามปฏิกิริยาของตลาดต่อไป เพราะยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของเฟด และของประเทศหลักอื่นๆ ดังนั้น ปัจจัยภายนอกยังเป็นสิ่งที่กระทบภาวะเงินทุนเคลื่อนย้ายในตลาดโลก ทุกฝ่ายจึงควรให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อรองรับกับความผันผวนในอนาคต

ด้านนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่าการคงอัตราดอกเบี้ยของเฟดเป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว เชื่อว่าไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย และยังเป็นผลดีต่อตลาดด้วย เนื่องจากเงินทุนไม่เคลื่อนย้ายไหลออกจากประเทศไปมาก ส่วนอัตราแลกเปลี่ยน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ได้ดูแลอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว นอกจากนี้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศยังคงอยู่ในอัตราที่สูง และอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยยังคงขยายตัวดีต่อเนื่อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน