ฟินันเซียคาดเศรษฐกิจโลกโตลดลง 1% ชี้ตัวแปรสำคัญคือ สงครามการค้าสหรัฐ-จีน และเบล็กซิต ส่วนในประเทศการลงทุนภาครัฐ อีอีซี เป็นตัวขับเคลื่อน

คาดเศรษฐกิจโลกโตลดลง 1% – นายวราห์ สุจริตกุล รองประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2562 จะเติบโตลดลงจากปี 2561 ราว 1% โดยมีตัวแปรสำคัญ คือการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ซึ่งคาดว่าใกล้จะบรรลุข้อตกลงระหว่างกันแล้ว และอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญ คือการที่ประเทศอังกฤษลงมติขอถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (เบล็กซิต) ซึ่งถือเป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ ในขณะที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกหลังเกิดการกีดกันทางการค้าเกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งเป็นผลจากสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ ทำให้แต่ละประเทศต่างปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อดึงเงินเข้าระบบ ทำให้แนวโน้มดอกเบี้ยจากนี้จะปรับขึ้นไม่มากแล้ว แต่ทั้งนี้จะมีบางประเทศที่มีความสามารถในการดึงเงินเข้าสู่ประเทศน้อย ก็จะเกิดการตึงตัว ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่มีสภาพคล่องทางการเงินค่อนข้างมาก ดังนั้นสภาพการเงินของประเทศไม่ตึงตัว

ดังนั้นภาพรวมการเติบโตของเศรษฐกิจไทย จะมีตัวขับเคลื่อนสำคัญคือ การลงทุนภาครัฐ ทั้งโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภค โครงการเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) สนามบิน ตลอดจนการลงทุน โรงงานปิโตรเคมีใหม่ 2 แห่ง ซึ่งถ้าโครงการทั้งหมดมีการลงทุนได้ตามเป้าหมาย จะช่วยลดความผันผวนที่เกิดจากตัวแปรที่มีความไม่แน่นอนจากปัจจัยต่างประเทศได้ อย่างไรก็ดี มองว่านโยบายรัฐบาลในขณะนี้ เป็นสิ่งที่ดีและเหมาะกับสภาพปัจจุบัน เนื่องจากสภาพคล่องทางการเงินยังมีค่อนข้างมาก และหากการเลือกตั้งที่คาดว่าจะมีขึ้นในเดือนมี.ค.นี้ และจะมีการเดินหน้าการจัดตั้งรัฐบาลภายใต้รัฐธรรมนูญ เกิดขึ้นอย่างเรียบร้อย เชื่อว่าเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศ จะเริ่มเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย เนื่องจากที่ผ่านมานักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นไทยไปค่อนข้างมากและเริ่มหยุดขายแล้ว ประกอบกับราคาหุ้นไทยมีราคาถูกลง จูงใจให้น่าลงทุน

นายวราห์ กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่ง กับนายปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ และ พญ.ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ ฐานความสร้างราคาหุ้น บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA โดยจะเห็นว่าก.ล.ต. มีการลงโทษในลักษณะนี้ปีละหลายราย ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาตลอดเวลาอยู่แล้ว ประกอบกับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยมีกว่า 600 กว่าบริษัท การที่มีข่าวการปั่นหุ้นของผู้บริหารเกิดขึ้น ในครั้งนี้ไม่เชื่อว่าจะเป็นการทำลายตลาดหุ้นทั้งตลาด ในขณะเดียวกันมองว่าการที่ก.ล.ต. สามารถเข้ามาทำหน้าที่ได้เต็มที่ ถือเป็นสัญญาณที่ดีของนักลงทุน และเป็นกลไกการตรวจสอบที่ใช้งานได้ โดยถือเป็นเรื่องที่ดีมาก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน