นายบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ZEN ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นและอาหารไทยภายใต้การบริหาร 12 แบรนด์ เปิดเผยว่า ความคืบหน้าในการขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 75 ล้านหุ้น หรือไม่เกิน 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้ว
ล่าสุด บล.กสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอ ที่ราคาหุ้นละ 13 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคา จากการสำรวจความต้องการซื้อจากนักลงทุนสถาบัน (บุ๊คบิวด์)

โดยเตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อในวันที่ 7-8 และ 11 ก.พ.นี้ และคาดว่าหุ้น ZEN จะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 20 ก.พ.นี้ โดยมีบล.ไทยพาณิชย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) และบล.เคทีบี (ประเทศไทย) เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน

ทั้งนี้ ปัจจุบัน บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 300 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 225 ล้านบาท ขณะที่หุ้นไอพีโอ จำนวน 75 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด สำหรับวัตถุประสงค์ในการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อนำไปใช้ขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัท ซึ่งรวมถึงการขยายและปรับปรุงสาขาร้านอาหาร ชำระคืนเงินกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

“บริษัทมีจุดเด่นด้านการเป็นผู้ให้บริการอาหารอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีทั้งธุรกิจร้านอาหารที่มีแบรนด์หลากหลาย สามารถตอบสนองผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อระดับล่าง กลาง และบน และมีธุรกิจแฟรนไชส์ที่จะช่วยให้กลุ่มบริษัทสามารถขยายสาขาได้อย่างกว้างขวาง รวมถึงยังมีการดำเนินธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งมีความแตกต่างและจุดแข็งให้กับธุรกิจ”นายบุญยง กล่าว

สำหรับร้านอาหารภายใต้การบริหารของบริษัทรวม 12 แบรนด์ แบ่งเป็น ร้านอาหารญี่ปุ่น 6 แบรนด์ ได้แก่ เซน (ZEN) ร้านอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ร้านมูชะ บาย เซน (Musha by ZEN) ร้านอาหารญี่ปุ่นแนวใหม่ Sushi Cyu Carnival Yakiniku ร้านอาหารญี่ปุ่นแบบพรีเมี่ยม AKA ร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น Testu ร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นแบบพรีเมี่ยม และ On the Table Tokyo Caf ร้านอาหารประเภทไลฟ์สไตล์

และกลุ่มร้านอาหารไทยอีก 6 แบรนด์ ได้แก่ ตำมั่ว ร้านอาหารไทย-อีสาน ลาวญวน ร้านอาหารไทย-อีสานและเวียดนาม แจ่วฮ้อน ร้านอาหารประเภทสุกี้ลาวหรือจิ้มจุ่ม เฝอ ร้านก๋วยเตี๋ยวสไตล์เวียดนาม เดอตำมั๋ว ร้านอาหารไทย-อีสานแบบพรีเมี่ยม และ เขียง ร้านอาหารไทยตามสั่งหรือสตรีท ฟู้ด เป็นอาหารไทยจานเดียว โดยเปิดบริการสาขาแรกที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขาเจษฎาบดินทร์ จ.นนทบุรี

อย่างไรก็ดี ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2561 บริษัทมีร้านอาหารในไทยและต่างประเทศรวม 255 สาขา แบ่งเป็นกลุ่มแบรนด์ร้านอาหารไทย 167 สาขา และกลุ่มแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่น 88 สาขา ซึ่งในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นร้านอาหารที่กลุ่มบริษัทเป็นเจ้าของ 110 สาขา และให้สิทธิแฟรนไชส์ 145 สาขา
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 (ม.ค. – ก.ย. 2561) มีรายได้รวม 2,226.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 108.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเติบโตของธุรกิจร้านอาหารและธุรกิจแฟรนไชส์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน