ตลท.ฟุ้งเดือนม.ค. หุ้นไทยเด้ง 5% ถือเป็นสัญญาณที่ดี ส่วนหนึ่งเกิดจากกระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างประเทศไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทย

ม.ค. หุ้นไทยเด้ง 5% – นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือนม.ค. 2562 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้น 5% โดยปิดที่ 1,641.73 จุด หลังจากปี 2561 ทั้งปีตลาดหุ้นไทยปรับลดลง 10% ทั้งนี้ การปรับขึ้นของดัชนีหุ้นในขณะนี้ ถือเป็นสัญญาณที่ดี ส่วนหนึ่งเกิดจากกระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างประเทศไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทย โดยซื้อสุทธิที่ 6,581 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดส่วนใหญ่ในเอเชีย เทียบกับปีที่แล้วทั้งปีที่นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิหุ้นไทยที่ 2.8 แสนล้านเหรียญสหรัฐ

ประกอบกับมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในตลาดหุ้นไทยในเดือนม.ค.ปีนี้ เพิ่มขึ้น 15.5% มาอยู่ที่ 48,582 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้กว่า 50% เป็นปริมาณการซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศ และอีกเกือบ 50% เป็นการซื้อขายของนักลงทุนรายย่อย ถือเป็นสัญญาณที่ดี ขณะที่มูลค่าการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทย (ไอพีโอ) อยู่ที่ 4,923 ล้านบาท ซึ่งสูงที่สุดในอาเซียน

นอกจากนี้ กระแสเงินทุนต่างประเทศไม่เพียงไหลเข้าในตลาดหุ้นไทย แต่ยังไหลเข้าลงทุนในตลาดพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวด้วย ซึ่งเป็นทิศทางที่ค่อนข้างดี

นายศรพล กล่าวว่า ส่วนการลงทุนในกองทุนรวม โดยเฉพาะกองทุนรวมหุ้น ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.5% โดยไม่เพียงแต่เพิ่มในส่วนของกองทุนแอลทีเอฟ และอาร์เอ็มเอฟ แต่ยังเป็นการเพิ่มขึ้นในส่วนของกองทุนรวมที่ไม่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีใดๆ ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความชำนาญของนักลงทุนรายย่อยที่สนใจการลงทุนที่มีความหลากหลายมากขึ้น

สำหรับปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตามคือการเลือกตั้ง ส่วนปัจจัยต่างประเทศยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่มีความกังวลลดลงคือ อัตราดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐ ที่ล่าสุดส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอย่างระมัดระวังมากขึ้น ส่วนสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ยังอยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งต้องติดตามต่อว่าจะมีผลสรุปอย่างไร

สอดคล้องกับนายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ประจำเดือนก.พ. 2562 พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนแรกในรอบ 4 เดือน หรืออยู่ที่ 116.76 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ทรงตัวเช่นเดิม โดยผลสำรวจพบว่านักลงทุนเชื่อมั่นสถานการณ์การเมืองที่มีการกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจนและภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ติดตามความคืบหน้าผลการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และติดตามเสถียรภาพของรัฐบาลใหม่หลังเลือกตั้ง

ส่วนกลุ่มหลักทรัพย์ที่นักลงทุนให้ความสนใจมากที่สุด คือ หมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ หมวดธนาคาร และหมวดพาณิชย์ ขณะที่มองว่าหมวดสื่อและสิ่งพิมพ์ และหมวดเหล็ก ไม่น่าสนใจลงทุนมากที่สุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน