นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST ประเมิน ทิศทางการลงทุนในสัปดาห์นี้ (18-22 ก.พ.) ว่า ภาพรวมตลาดยังถูกกดดันจากด้านการเมืองและนักลงทุนชาติขายหุ้นไทยต่อเนื่อง จากปัจจัยสำคัญคือทิศทางการเลือกตั้งและการประเมินผลเลือกตั้งหลังจากที่มีการหาเสียงกันอย่างเต็มตัว โดยโพลสำรวจล่าสุดที่ออกมาพบว่าพรรคพลังประชารัฐ อาจไม่ได้ชัยชนะในครั้งนี้ จึงมีผลต่อการซื้อขายของนักลงทุนชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่ขายทำกำไรกดดันตลาดมาตั้งแต่ช่วงวันที่ 8 ก.พ. เป็นต้นมา ทำให้ทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ขึ้นอยู่กับแรงซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศ
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศนั้น ตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลงหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ (เงินเฟ้อ+ยอดค้าปลีก) ออกมาไม่ดีนัก แม้สัปดาห์นี้การเจรจาการค้าที่ดูจะมีความคืบหน้าในทางบวกและความกังวลต่องบประมาณสร้างกำแพงฯของสหรัฐฯที่อาจลดลงหลังรัฐสภาสหรัฐฯผ่านร่างงบประมาณและประธานาธิบดีสหรัฐฯใช้อำนาจประกาศภาวะฉุกเฉิน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ เคลื่อนไหวในทิศทางที่กลับมาเป็นบวกได้ โดยราคาน้ำมัน Brent ปิดไปที่ $66 เหรียญ จากการที่กลุ่ม OPEC จะปรับลดกำลังการผลิตต่อเนื่อง แต่การเคลื่อนไหวของหุ้นกลุ่มน้ำมัน-ปิโตรเคมีของไทยยังต้องดูทิศทางของตลาดหุ้นไทยประกอบด้วย และในสัปดาห์นี้มีปัจจัยที่ต้องติดตามคือ การรายงานผลประกอบการของบริษัทในตลาดซึ่งนักลงทุนจะให้ความสนใจเรื่องนี้มากขึ้น และการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่สำคัญ 3 ตัว คือ ตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา รวมถึงตัวเลขยอดขายรถยนต์และตัวเลขส่งออก
ส่วนกลยุทธ์ลงทุนในสัปดาห์นี้ ด้วยมุมมองว่า ตลาดหุ้นไทยอาจเคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนแรงลงมากกว่าที่คาด เนื่องจากมีประเด็นในเชิงลบในเรื่องการเลือกตั้งเข้ามาและนักลงทุนชาติขายหุ้นออกมาต่อเนื่อง แม้จะประเมินว่าตลาดต่างประเทศน่าจะฟื้นตัว และน่าจะช่วยพยุงตลาดได้ในระดับหนึ่ง ดังนั้น KTBST แนะนำให้ “ชะลอการลงทุน” หากดัชนี SET Index ปรับตัวลงไปต่ำกว่า 1,620 จุด โดยลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ลงและไปรอซื้อเมื่ออ่อนตัว รวมถึงแนะนำให้นักลงทุนถือเงินสดเพิ่มในพอร์ต 20% เพื่อรอดูสถานการณ์
สำหรับหุ้นที่แนะนำในเชิงกลยุทธ์สัปดาห์นี้ ประกอบด้วย PTTEP, EA, OSP, CBG และ RS คาดดัชนีฯ เคลื่อนไหวในกรอบ 1,620-1,670 จุด ในสัปดาห์นี้
