สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 1 เดือน ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยเผชิญแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ

เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 1 เดือน – บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์ (25 ก.พ.-1 มี.ค. 2562) สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 1 เดือน โดยเงินบาทปรับตัวในกรอบแคบๆ ในช่วงต้นสัปดาห์ แต่ขยับแข็งค่าได้เล็กน้อยท่ามกลางสัญญาณคลี่คลายของประเด็นตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน

อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกกลับมาแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 1 เดือนที่ 31.76 บาทต่อดอลลาร์ สอดคล้องกับสถานะขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติในช่วงปลายสัปดาห์ ประกอบกับเงินดอลลาร์ มีแรงหนุนให้แข็งค่าขึ้น จากการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังจากตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2561 ของสหรัฐที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยในวันศุกร์ (1 มี.ค.) เงินบาทอยู่ที่ 31.68 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ 31.33 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (22 ก.พ.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (4-8 มี.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 31.50-32.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยต้องจับตากระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายของนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่น่าจะเป็นจุดสนใจเพิ่มเติม ได้แก่ ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด การเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน สถานการณ์ BREXIT การประชุมประจำปีของสภาประชาชนแห่งชาติของจีน รวมถึงดัชนี PMI ภาคบริการเดือนก.พ. ของสหรัฐ และประเทศชั้นนำอื่นๆ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร การจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.พ. ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือนม.ค. ยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค. และรายงาน Beige Book ของเฟด

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงลงจากสัปดาห์ก่อน โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับที่ 1,641.44 จุด ลดลง 1.07% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่ มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 12.63% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 52,948.10 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai ลดลง 2.02% มาปิดที่ 376.51 จุด

ดัชนีตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงขายเกือบตลอดสัปดาห์จากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ แม้ในช่วงช่วงต้นสัปดาห์ ดัชนีฯ จะปรับตัวขึ้น ท่ามกลางแรงหนุนของหุ้นขนาดใหญ่ทั้งกลุ่มพลังงาน กลุ่มธนาคาร และกลุ่มบริการ แต่อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยลดช่วงบวกลงทั้งหมดในช่วงปลายสัปดาห์ โดยได้รับแรงกดดันจากปัจจัยภายในประเทศ รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน ขณะที่แรงขายหุ้นในกลุ่มสื่อสารบางตัวจากผลประกอบการไตรมาส 4/2561 ที่อ่อนแอก็เป็นอีกปัจจัยที่กดดันตลาด

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (4-8 มี.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,630 และ 1,610 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,655 และ 1,665 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ ผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดระดับสูง รวมถึงปัจจัยภายในประเทศ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค. ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือนม.ค. รวมถึงดัชนี PMI ภาคบริการ และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.พ. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป และดัชนี PMI Composite เดือนก.พ. ของประเทศในแถบยุโรป รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิตและผู้บริโภคเดือนก.พ. ของจีน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน