บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์ (1-5 เม.ย. 2562) สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท เงินบาทกลับมาอ่อนค่าลงช่วงปลายสัปดาห์ ทั้งนี้ เงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์สอดคล้องกับทิศทางของเงินหยวนและสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค หลังจากที่ข้อมูล PMI ของจีนในเดือนมี.ค. ออกมาแข็งแกร่งกว่าที่ตลาดคาด

อย่างไรก็ดี กรอบการแข็งค่าของเงินบาทในระหว่างสัปดาห์ยังเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากตลาดยังคงรอประเมินภาพที่ชัดเจนของปัจจัยทางการเมืองในประเทศอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ เงินดอลลาร์ กลับมาได้รับแรงหนุนบางส่วนในช่วงปลายสัปดาห์ก่อนการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ ประกอบกับมีปัจจัยบวกจากสัญญาณที่สะท้อนภาพการคลี่คลายของประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน ในวันศุกร์ (5 เม.ย.) เงินบาทอยู่ที่ 31.87 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ 31.74 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (29 มี.ค.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (8-12 เม.ย.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 31.60-32.00 บาทต่อดอลลาร์ โดยจุดสนใจในประเทศยังน่าจะอยู่ที่ปัจจัยทางการเมืองและทิศทางเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป ข้อตกลง BREXIT และความคืบหน้าในการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญระหว่างสัปดาห์ ประกอบด้วย ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.พ. ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคาสินค้านำเข้า-ส่งออกเดือนมี.ค. และบันทึกการประชุมเฟด นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมี.ค. ของจีนด้วยเช่นกัน

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย ดัชนีตลาดหุ้นไทยลดช่วงบวก หลังขยับขึ้นต้นสัปดาห์ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับที่ 1,646.18 จุด เพิ่มขึ้น 0.46% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่ มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลง 10.29% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 38,438.44 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai เพิ่มขึ้น 0.54% มาปิดที่ 366.10 จุด

ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นช่วงต้นสัปดาห์ สอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยมีแรงหนุนจากข้อมูลดัชนี PMI ภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐ และจีน การยืดเวลาปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ารถยนต์/ชิ้นส่วนรถยนต์จากสหรัฐ ของจีน รวมถึงการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก อย่างไรก็ดี ดัชนี ย่อตัวลงในเวลาต่อมา ท่ามกลางความกังวลต่อประเด็นในประเทศ ก่อนจะขยับขึ้นเล็กน้อยตามตลาดหุ้นภูมิภาคช่วงปลายสัปดาห์รับข่าวความคืบหน้าในประเด็นการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (9-12 เม.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,635 และ 1,625 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,655 และ 1,675 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ ปัจจัยการเมืองในประเทศ ถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด และเจ้าหน้าที่เฟดระดับสูง ความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน รวมถึงสถานการณ์ BREXIT ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ รายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมี.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ. ของยูโรโซน ตลอดจนดัชนีราคาผู้ผลิตและผู้บริโภคเดือนมี.ค.ของจีน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน