สรุปภาวะตลาดหุ้นไทย (SET) วันพฤหัสบดีที่ 11 เม.ย. 2562 ปิดที่ 1,659.09 จุด ปรับตัวลดลง -3.04 จุด คิดเป็น -0.18% จุดสูงสุดอยู่ที่ 1,662.53 จุด จุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,656.33 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 40,713.07 ล้านบาท ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 1,105.48 จุด ปรับตัวลดลง -3.33 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ปิดขยับขึ้น 0.03% หลังจากรายงานการประชุมประจำเดือนมี.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เฟดจะใช้ความอดทนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานของสหรัฐซึ่งขยายตัวเพียงเล็กน้อยในเดือนมี.ค.

ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดปรับตัวขึ้น ภายหลังจากที่สหภาพยุโรปได้ให้ความเห็นชอบเรื่องการขยายระยะเวลาการถอนตัวของอังกฤษจากสหภาพยุโรป ออกไปเป็นเดือน ต.ค. 2562 และหลังจากที่ได้รับทราบการรายงานประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ

ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดตลาดร่วงลง 1.60% ภายหลังจากที่จีนได้เปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดบวกเล็กน้อย 0.11% เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลหลังจากกลุ่มผู้นำสหภาพยุโรป (EU) ได้เห็นชอบให้อังกฤษขยายเวลาการถอนตัวออกจาก EU (Brexit) ไปเป็นวันที่ 31 ต.ค.

โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
1. SCC มูลค่าการซื้อขาย 4,198.76 ล้านบาท ลดลง -12.00 บาท คิดเป็น -2.58%
2. TRUE มูลค่าการซื้อขาย 2,250.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +0.05 บาท คิดเป็น +0.96%
3. SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,211.86 ล้านบาท ไม่เปลี่ยนแปลง
4. ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,173.48 ล้านบาท ลดลง -0.50 บาท คิดเป็น -0.26%
5. PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,100.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +0.25 บาท คิดเป็น +0.35%

ดัชนีแกว่งตัวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน และถึงแม้ดัชนีจะปิดลบ แต่ก็ลบไม่มากนัก โดยดัชนียังสามารถยืนอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันได้อย่างแข็งแกร่ง ประกอบกับมูลค่าการซื้อขายที่ไม่มากนัก จึงยังมีมุมมองบวกว่าดัชนียังจะสามารถค่อยๆ ปรับตัวขึ้นต่อได้ โดยหากดัชนีสามารถประคองตัวปิดเหนือ 1,660 จุดได้ จะยิ่งเป็นสัญญาณดีโดยเรามองแนวต้านไว้ที่ 1,674 จุด และหากดัชนีย่อลงมาให้รอที่แนวรับแถวๆ 1,655 จุด

บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน