บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์ (27-31 พ.ค. 2562) สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท เงินบาทแข็งค่าขึ้น หลังขยับอ่อนค่าลงเล็กน้อยในช่วงแรก โดยเงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้นสัปดาห์ สอดคล้องกับทิศทางของสกุลเงินเอเชียบางส่วนที่เผชิญแรงกดดันจากสัญญาณความตึงเครียดของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน อย่างไรก็ดี เงินบาทสามารถทยอยแข็งค่ากลับมาในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ โดยได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อสุทธิหุ้น และพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ อนึ่ง กระทรวงการคลังสหรัฐ ได้เปิดเผยรายงานทบทวนนโยบายเศรษฐกิจและอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศคู่ค้าของสหรัฐ ซึ่งไทยไม่ติดอยู่ในบัญชีรายชื่อที่ถูกติดตาม (Monitoring List) ตามที่มีความกังวลในช่วงก่อนหน้านี้ ในวันศุกร์ (31 พ.ค.) เงินบาทอยู่ที่ 31.68 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ 31.85 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (24 พ.ค.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (3-7 มิ.ย.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 31.50-31.90 บาทต่อดอลลาร์ โดยจุดสนใจในประเทศ น่าจะอยู่ที่ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพ.ค. ของไทย รวมถึงสถานการณ์ทางการเมือง ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ประเด็นด้านการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน สถานการณ์ BREXIT และตัวเลข PMI เดือนพ.ค. ของประเทศชั้นนำหลายประเทศ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ระหว่างสัปดาห์ ประกอบด้วย

ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ข้อมูลตลาดแรงงานอื่นๆ และดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนพ.ค. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนเม.ย. ตลอดจนถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) ของเฟด

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย ดัชนีตลาดหุ้นไทยผันผวน แต่ปิดสูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อน โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับที่ 1,620.22 จุด เพิ่มขึ้น 0.38% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่ มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 83,052.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.22% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai เพิ่มขึ้น 0.14% มาปิดที่ 339.82 จุด

ดัชนีตลาดหุ้นไทยพุ่งขึ้นช่วงต้นสัปดาห์ โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นไทยของ MSCI ซึ่งมีผลในวันที่ 28 พ.ค. ทำให้ในวันเดียวกันนั้น ตลาดหุ้นไทยมีมูลค่าการซื้อขายเพิ่มสูงขึ้นไปถึง 2 แสนล้านบาทสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ดี ดัชนีฯ ร่วงลงช่วงกลางและปลายสัปดาห์ แม้ว่านักลงทุนต่างชาติจะเข้าซื้อสุทธิหุ้นไทยเกือบตลอดสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับประเด็นสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐ และประเทศคู่ค้า และยังคงติดตามสถานการณ์การเมืองในประเทศอย่างใกล้ชิด

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (3-7 มิ.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,600 และ 1,580 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,635 และ 1,650 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ ประเด็นการเมืองในประเทศ สถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐ และประเทศคู่ค้า สถานการณ์ BREXIT รวมถึงถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดระดับสูง ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนพ.ค. และข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนเม.ย. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2562 ของยูโรโซน ดัชนี PMI Composite เดือนพ.ค. ของประเทศแถบยูโรโซนและญี่ปุ่น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน