สรุปภาวะตลาดหุ้นไทย (SET) วันอังคารที่ 4 มิถุนายน 2562 ปิดที่ 1,637.69 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น +17.47 จุด คิดเป็น +1.08% จุดสูงสุดอยู่ที่ 1,640.54 จุด จุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,622.99 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 65,213.26 ล้านบาท ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 1,088.03 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น +13.16 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเล็กน้อย 0.02% ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับตัวเลขภาคการผลิตที่อ่อนแอของสหรัฐ และผลกระทบของสงครามการค้า ขณะที่ดัชนี Nasdaq เข้าสู่ภาวะพักฐาน หลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากรายงานข่าวที่ว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐกำลังสอบสวนบริษัทอัลฟาเบท เฟซบุ๊ก แอปเปิล และอเมซอน ในข้อหาผูกขาดตลาด
ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดปรับตัวลง เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า ซึ่งรวมถึงจีนและเม็กซิโก ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจยุโรปในวันนี้
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบ 0.96% เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดขยับลงเล็กน้อย 0.01% ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน โดยดัชนีนิกเกอิลดช่วงลบหลังจากที่ร่วงลงในการซื้อขายภาคเช้า อันเนื่องมาจากความตึงเครียดด้านการค้า และการแข็งค่าของเงินเยน
โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
1. CPALL มูลค่าการซื้อขาย 5,037.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท คิดเป็น 2.51%
2. AOT มูลค่าการซื้อขาย 3,546.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +1.25 บาท คิดเป็น +1.96%
3. PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,911.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +0.25 บาท คิดเป็น +0.54%
4. PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,787.66 ล้านบาท ลดลง -0.50 บาท คิดเป็น -0.40%
5. SCC มูลค่าการซื้อขาย 2,014.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +6.00 บาท คิดเป็น +1.33%
ดัชนีมีความพยายามดีดกลับขึ้นทำ New high ในรอบสัปดาห์ โดยสามารถปิดได้ในระดับสูงของวันและขยับขึ้นทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันแต่ปิดไม่ได้ โดยปิดได้ในระดับสูงของวันพร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หากวันนี้(4) ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 1,632 จุดซะก่อน ดัชนีจึงจะมีลุ้นดีดกลับผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันขึ้นไปแถวๆ เส้นค่าเฉลี่ย 75 วันที่ 1,643-1,645 จุดต่อไป ในทางกลับกันหากดัชนีหลุด 1,632 จุด อาจไหลลงต่อได้แถวๆ 1,627 จุดต่อไป
บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด
