บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์ (20-24 มี.ค.) เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 7 เดือนที่ 34.53 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยการแข็งค่าของเงินบาทสอดคล้องกับสถานะซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรไทย (4.28 และ11.94 พันล้านบาท ตามลำดับ)

นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ก็เผชิญแรงเทขายท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจของปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี เงินบาทกลับมาเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ในช่วงปลายสัปดาห์ ขณะที่ตลาดรอดูผลการลงมติร่างกฎหมายระบบดูแลสุขภาพของปธน. ทรัมป์อย่างใกล้ชิด สำหรับในวันศุกร์ (24 มี.ค.) เงินบาทอยู่ที่ 34.61 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 34.85 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (17 มี.ค.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (27-31 มี.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 34.50-34.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยจุดสนใจของตลาดน่าจะอยู่ที่ผลการประชุมกนง. และตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.พ. ของไทย ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค. ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย ดัชนีราคา PCE และ Core PCE ในเดือนก.พ. ราคาบ้านเดือนม.ค. และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/59 (รายงานครั้งสุดท้าย)

นอกจากนี้ นักลงทุนอาจมีจุดสนใจเพิ่มเติมที่ผลการลงมติร่างกฎหมายระบบดูแลสุขภาพของปธน. ทรัมป์ (ซึ่งถูกมองเป็นตัวสะท้อนถึงความสามารถของปธน. ทรัมป์ ในการทำงานร่วมกับสภาคองเกรส) ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และการที่อังกฤษเตรียมประกาศมาตรา 50 ในสนธิสัญญาลิสบอน (29 มี.ค.) ซึ่งเป็นกลไกเริ่มกระบวนการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป

ดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้น ท่ามกลางการไหลเข้าของเงินทุนในตลาดเกิดใหม่ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,573.51 จุด เพิ่มขึ้น 0.80% จากสัปดาห์ก่อน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน ลดลง 23.33% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 36,154.10 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 593.79 จุด เพิ่มขึ้น 0.39% จากสัปดาห์ก่อน

ตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ ท่ามกลางแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่กลับเข้ามาอีกครั้ง ก่อนที่จะปรับลดลงเล็กน้อยในวันพุธจากการประกาศจ่ายปันผลของหุ้นขนาดใหญ่ จากนั้น ดัชนีปรับตัวขึ้นต่อในช่วงปลายสัปดาห์ โดยนักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้นขนาดใหญ่อีกครั้ง หลังจากที่ราคาหุ้นในกลุ่มนี้ปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาด

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (27-31 มี.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,550 และ 1,530 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,580 และ 1,590 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ การประกาศใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนของสหราชอาณาจักร ในวันที่ 29 มี.ค. นี้ เพื่อเริ่มกระบวนการ Brexit อย่างเป็นทางการ การประชุม กนง.ของไทย รวมทั้งการทำราคาปิดงวดสิ้นไตรมาส

ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดุลการค้า จีดีพีไตรมาส 4/59 (รอบสุดท้าย) และรายได้ส่วนบุคคล ส่วนปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ ยอดค้าปลีกของญี่ปุ่น และผลสำรวจความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน