ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีความเห็นต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ (3-7 เม.ย.) ว่า มีแนวโน้มแข็งค่าและเคลื่อนไหวในกรอบ 34.15-34.50 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดที่ 34.38 บาทต่อดอลลาร์ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 20 เดือน หลังตลาดเงินเริ่มขาดความเชื่อมั่นในความสำเร็จของนโยบายทรัมป์ตามที่เคยหาเสียงไว้ ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย มีมติเอกฉันท์ให้คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ตามคาด โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรไทยมูลค่า 1.45 หมื่นล้านบาท และ 1.73 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ

ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญสัปดาห์นี้คือ ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคของสหรัฐ อาทิ ดัชนีภาคการผลิตและภาคบริการ โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงาน นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนด้านนโยบายของทรัมป์ ยังเป็นตัวแปรสำคัญต่อการคาดการณ์ของตลาดเงินในเรื่องทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐ หลังจากร่างปฏิรูปกฏหมายประกันสุขภาพถูกถอนออกจากการพิจารณาของรัฐสภา รวมทั้งผลการหารือระหว่างผู้นำจีนและสหรัฐ หลังจากทรัมป์เคยโจมตีนโยบายการค้าจีนด้วยถ้อยคำที่แข็งกร้าวในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง

อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงด้านขาลงของดอลลาร์อาจมีจำกัด เนื่องจากนักลงทุนได้ปรับพอร์ตรับความเชื่อมั่นที่ลดลงต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์ไประดับหนึ่งแล้ว ทั้งนี้ ในไตรมาส 1 ค่าเงินบาทแข็งขึ้น 4% โอกาสที่บาทจะแข็งค่าอย่างรวดเร็วจึงค่อนข้างจำกัด

สำหรับปัจจัยในประเทศ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ให้ความสนใจทิศทางกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการลดปริมาณพันธบัตรธปท. เพื่อหลีกเลี่ยงการเก็งกำไรค่าเงินบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน