ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลกับปัจจัยต่างประเทศปัญหาสงครามการค้าสหรัฐ จีน โดย เริ่มบังคับใช้มาตรการภาษีเพิ่มเติมตั้งแต่ 1 ก.ย. ซึ่งรัฐบาลสหรัฐได้เริ่มเก็บภาษี 15% จากสินค้าจีนมูลค่าประมาณ 1.25 แสนล้านดอลลาร์ รวมถึงสมาร์ทวอทช์ ทีวีจอแบน และรองเท้า ขณะที่จีนได้เริ่มเก็บภาษี 5% จากการนำเข้าน้ำมันดิบจากสหรัฐ

รวมทั้งธนาคารแห่งประเทศไทยมองเศรษฐกิจปีนี้มีโอกาสโตต่ำกว่า 3% จากความเสี่ยงด้านต่างประเทศซึ่งต้องจับตาเงินเฟ้อเดือนส.ค. สะท้อนอุปสงค์การใช้จ่ายในประเทศ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์รายงานดัชนี CPI ในเดือนส.ค. 2562 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะเงินเฟ้อ เพิ่มขึ้น 0.52% ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 0.85% ส่วนดัชนีเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ขยายตัว 0.49% คาดเงินเฟ้อปี 2562 เฉลี่ย 0.8-0.9% ต่ำสุดในรอบ 2 ปี โดยสาเหตุที่เงินเฟ้อปีนี้ต่ำเป้า 1% ของธนาคารแห่งประเทศไทย เนื่องจากราคาน้ำมันโลกชะลอเป็นปัจจัยสำคัญ จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี 1,630-1,670 จุด

ทั้งนี้ แนะนำจับตาวันนี้ (3 ก.ย.) ทางสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สภาผู้ส่งออก) แถลงสถานการณ์การส่งออก รวมทั้งสหรัฐ เปิดเผยผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนส.ค.จากมาร์กิตดัชนีภาคการผลิตส.ค. และการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.ค. ส่วนวันที่ 4 ก.ย. จีน เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนส.ค.จากไฉซิน และอียู เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนส.ค.จากมาร์กิต ยอดค้าปลีกเดือนก.ค. เช่นเดียวกับสหรัฐจะเปิดเผยยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนก.ค. ดัชนี

ภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนส.ค. รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) (เช้าวันที่ 5 ก.ย.) ส่วนวันที่ 5 ก.ย. สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนส.ค.จาก ADP จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนส.ค.จากมาร์กิต ดัชนีภาคบริการเดือนส.ค. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และวันที่ 6 ก.ย. อียู เปิดเผย GDP ไตรมาส 2 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค. และวันที่ 17-18 ก.ย. กำหนดประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวเพิ่มเติมว่า นักลงทุนคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย.นี้ และครม.เศรษฐกิจอยู่ระหว่างพิจารณามาตรการกระตุ้นการลงทุนและการส่งออก รวมทั้งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวและเร่งการลงทุนภาครัฐราวกลางเดือนก.ย.นี้ รวมทั้งคาดว่าสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เตรียมออกมาตรการจูงใจให้นักลงทุนต่างชาติที่ต้องการย้ายฐานการผลิตเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะสร้างความเชื่อมั่นได้

ดังนั้นแนะนำแนะนำกลยุทธ์ การลงทุนในหุ้น ที่น่าลงทุน ดังนี้ หุ้น Domestic Play เช่น ADVANC, AMATA, EKH, SISB และ HMPRO หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น ERW CENTEL, AOT, BJC, CPALL และTNP และหุ้นเด่นเดือนกันยายน ได้แก่ BCH, TPCH และTNP

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้มองทองคำอาจพักตัวหลังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระทบ คาดกรอบราคาทองคำสัปดาห์นี้ที่ 1,515-1,545 ดอลลลาร์ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยที่ 21,900-22,400 บาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน