นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้ (30 ก.ย.-4 ต.ค.) ทิศทางตลาดจะให้ความสนใจในเรื่องการเจรจาของสหรัฐกับจีนในวันที่ 10-11 ต.ค. นี้ ซึ่งจะเห็นการสร้างเงื่อนไขในการเจรจาที่มาจากทางฝั่งสหรัฐ ล่าสุดคือ ข่าวที่สหรัฐเตรียมพิจารณาให้ลดการลงทุนในตลาดหุ้นจีนและปลดหุ้นจีนออกมาจากตลาดหุ้นสหรัฐ แม้จะมีการปฎิเสธในเวลาต่อมา ทำให้ตลาดมีความกังวลเพียงเล็กน้อย เพราะประธานาธิบดีทรัมป์ ยังยืนยันว่าจะมีการเจรจากับจีนในวันที่ 10-11 ต.ค. แม้โอกาสที่ผลจะออกมาในทางบวกมีมากกว่าลบ แต่เมื่อพิจารณาจากราคาพันธบัตรที่ปรับตัวขึ้นและราคาทองคำที่ราคาปรับตัวลงรวมถึงตลาดหุ้นโลก (Bloomberg Worl Index) ที่ลดลง 1.2% เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (WoW) KTBST คาดว่า สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นส่วนใหญ่น่าเคลื่อนไหวทรงตัวเพื่อรอดูผลการเจรจาการค้า

ด้านราคาน้ำมันดิบเบรนท์ คาดว่าจะลดลงจากระดับ 61 เหรียญสหรัฐ หลังจากซาอุฯ กลับมาผลิตน้ำมันในระดับปกติรวมทั้งข่าวว่าสหรัฐ จะยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่าน จึงอาจเป็นผลลบต่อหุ้นผู้ผลิตน้ำมัน (PTTEP) ส่วนประเด็นอื่นที่ต้องติดตาม คือ การถอดถอนประธานาธิบดีสหรัฐ คาดว่าจะทำได้ยาก และรายงานตัวเลขภาคจ้างงานของสหรัฐ ในวันศุกร์ 4 ต.ค.นี้

ส่วนปัจจัยในประเทศที่สำคัญคือ การพิจารณาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่น ท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3, รถไฟ 3 สนามบิน, สัญญารถไฟฟ้า และสัมปทานทางด่วน ซึ่งมีผลทั้งบวกและลบ ต่อหุ้นที่เกี่ยวข้อง (เช่น PTT, GULF, PRM, BTS, BEM, STEC, CK) นอกจากนี้ ยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่คาดว่าจะช่วยหนุนตลาดหุ้นไว้ได้

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน KTBST คาดว่า ดัชนีในสัปดาห์นี้จะยังยืนเหนือระดับ 1,630 จุดได้ บนสถานการณ์ปัจจุบัน แม้แรงขายอาจลดลงแต่สภาพคล่องในตลาดหุ้นก็ยังมีน้อยอยู่เช่นกัน ดังนั้นจึงน่าจะเห็นการลงทุนในลักษณะสลับเข้าลงทุนในกลุ่มต่างๆ เพื่อรอผลเจรจาการค้า ทั้งนี้ ยังให้น้ำหนักกับหุ้นที่มีความปลอดภัย (safe haven) คือ กลุ่มโรงไฟฟ้า, กลุ่มสื่อสาร รวมทั้ง หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว, โรงแรม ที่ได้ประโยชน์จากมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ประเมินกรอบดัชนีฯ เคลื่อนไหวที่ 1,630-1,660 จุด หุ้นที่น่าสนใจได้แก่ BGRIM, ADVANC, OSP, BTS, AOT, PRM และ JMT

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน