ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ไอร่า จำกัด (มหาชน) หรือ AIRA ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทย ในช่วงเดือนพ.ย. ว่า มีแนวโน้มฟื้นตัว จากปัจจัยบวกทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน ล่าสุดส่งสัญญาณดีขึ้น คาดว่าการลงนามข้อตกลงฯ “Phase I” ระหว่างผู้นำ 2 ประเทศ น่าจะช่วยลดข้อขัดแย้งทางการค้าลงได้ระดับหนึ่ง รวมทั้งยังได้รับปัจจัยบวกจากนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน เช่น ECB กลับมาใช้ QE วงเงิน 20,000 ล้านยูโร/เดือน เริ่มตั้งแต่ พ.ย. 2562 เป็นต้นไป และคาดว่าเฟดอาจส่งสัญญาณการขยายงบดุลอีกครั้ง หลังการประชุมช่วงปลาเดือนที่ผ่านมา (29-30 ต.ค.) ลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันของปีนี้ และก็ส่งสัญญาณไม่ปรับลงในระยะสั้นนี้ ส่วนทาง EU เลื่อน Brexit จาก 31 ต.ค. 2562 เป็น 31 ม.ค. 2563 ซึ่งช่วยลดความกังวลว่าอังกฤษแยกตัวจาก EU แบบ NO Deal

อีกทั้งคาดว่าการประชุม กนง. ในวันที่ 6 พ.ย. นี้ หากพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยลง จะทำให้ Sentiment บวกต่อภาพรวมตลาดฯ รวมถึงกลุ่มอสังหาฯ จากทิศทางอัตราดอกเบี้ยลดลง แต่อาจกดดันหุ้นกลุ่มธนาคาร จากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย แต่เชื่อว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง คาดช่วยกระตุ้น GDP ในไตรมาส 4/2562 ประมาณ 0.2-0.3% ประกอบกับตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือนก.ย. 2562 อยู่ที่ 2.9 ล้านคน เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบจากปีก่อน และดีขึ้น 7% เมื่อส.ค 2562 โดยรวมนักท่องเที่ยวจีน 0.85 ล้านคน เพิ่มขึ้น 32%จากปีก่อย และดีขึ้นจาก 19% เมื่อเที่ยบกับเดือนส.ค. 2562 ขณะที่ 9 เดือนแรกปี 2562 อยู่ที่ 29.46 ล้านคน เพิ่มขึ้น 4% โดยคาดว่ามีโอกาสเติบโตตามเป้าหมายปี 2562 ที่ 40-41 ล้านคน

อย่างไรก็ตามยังคงต้องจับตาแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการส่งออกหดตัวต่อเนื่อง ธปท. คาด GDP ไตรมาส 3/2562 ต่ำกว่า 2.9% ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า และเงินบาทที่แข็งค่า ขณะที่แนะระวังแรงขายทำกำไร หลังหมดช่วงประกาศงบฯ ประมาณกลางพ.ย. นี้ จึงให้กรอบดัชนีที่ 1,580-1,650 จุด

พร้อมทั้งแนะนำกลยุทธ์การลงทุน 1. ในกลุ่ม Global Play เช่น ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี และกลุ่มพลังงาน ภายใต้ Sentiment บวกจากประเด็นสงครามการค้า อย่างไรก็ตามยังมีความไม่แน่นอนอยู่บ้าง 2. หุ้นกลุ่มธนาคาร จากราคาที่ลดลงต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา และซื้อขายต่ำกว่า BV พร้อมกับความน่าสนใจจากเงินปันผล อย่างไรก็ตามมีความเสี่ยงจากผลประกอบการในปี 2563 ที่มีแนวโน้มทรงตัว / ลดลง ตามแนวโน้มเศรษฐกิจ และความกังวลตัวเลข NPL 3. กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นต่อเนื่องของภาครัฐ เช่น กลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มค้าปลีก เป็นต้น และ 4. กลุ่มที่อยู่อาศัย จากการลดค่าธรรมเนียมโอนและจำนอง ลงเหลือ 0.01% สำหรับราคาที่อยู่อาศัยไม่เกิน 3.0 ล้านบาท คาดช่วยกระตุ้นยอดขายและโอน ดังนั้นจึงคาดหุ้นเด็นประจำเดือนพ.ย. นี้ ประกอบด้วย AOT, AP, CPF, IVL, KTB และ UNIQ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน