สรุปภาวะตลาดหุ้นไทย (SET) วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน 2562 ปิดที่ 1,609.47 จุด ปรับตัวลดลง -5.67 จุด คิดเป็น -0.35% จุดสูงสุดอยู่ที่ 1,619.86 จุด จุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,605.32 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 48,833.53 ล้านบาท ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 1,085.44 จุด ปรับตัวลดลง -2.93 จุด

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก ดาวโจนส์ปิดบวก 92.10 จุด ขานรับถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่แสดงความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ

ตลาดหุ้นยุโรปเปิดอ่อนตัวลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัว

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันเปิดลดลง 31.74 จุด

ภาวะตลาดหุ้นจีน เซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดบวกแค่ 4.63 จุด ภายหลังจากที่จีนได้เปิดเผยข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.ที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดการณ์

ภาวะตลาดหุ้นฮ่องกง ฮั่งเส็งปิดร่วง 247.77 จุด ขณะที่นักลงทุนยังคงวิตกกังวลกับสถานการณ์การประท้วงรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 4

ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว นิกเกอิปิดลบ 178.32 จุด เนื่องจากนักลงทุนวิตกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในฮ่องกงที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในขณะนี้ รวมทั้งความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
1. STEC มูลค่าการซื้อขาย 2,398.83 ล้านบาท ไม่เปลี่ยนแปลง
2. PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,186.77 ล้านบาท ลดลง -0.50 บาท คิดเป็น -1.10%
3. KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,419.94 ล้านบาท ลดลง -0.50 บาท คิดเป็น -0.33%
4. ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,372.95 ล้านบาท ลดลง -1.00 บาท คิดเป็น -0.43%
5. AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,268.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +0.75 บาท คิดเป็น +0.96%

ดัชนีอ่อนตัวลงต่อเนื่องหลังจากหลุดปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน อีกทั้งยังหลุดลงมาปิดต่ำกว่าแนวรับชั่วคราวที่ 1,610 จุดด้วย ทำให้แนวโน้มของดัชนีมีโอกาสอ่อนตัวลงต่อหลุดระดับ 1,600 จุดได้อีกครั้ง พร้อมกับ MACD ที่ดีดกลับไม่พ้นระดับศูนย์และกำลังจะดิ่งลง หากวันนี้(15) ดัชนีดีดกลับไม่ผ่านหรือปิดเหนือระดับ 1,610 จุดเป็นอย่างน้อยอีก ดัชนีน่าจะซึมลงต่อแถวๆ 1,596-1,589 จุดต่อไป แนวต้านระยะสั้น 1,617-1,619 จุด

บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน