บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์ (25-29 พ.ย. 2562) สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท เงินบาทยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ตลอดสัปดาห์ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยในช่วงต้นสัปดาห์ หลังประธานาธิบดีของสหรัฐฯ และจีนต่างแสดงท่าทีเชิงบวกต่อโอกาสการเกิดดีลการค้าเฟสแรกระหว่าง 2 ประเทศ นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังมีปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าที่คาด (อาทิ จีดีพีไตรมาส 3 และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค.) ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ดี เงินบาทฟื้นตัวกลับมาแข็งค่าได้เป็นระยะในระหว่างสัปดาห์ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียดมากขึ้นระหว่างสหรัฐ-และจีน โดยเฉพาะในประเด็นฮ่องกงและการเจรจารายละเอียดของดีลการค้า ขณะที่เส้นตายกำหนดการที่สหรัฐ จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวันที่ 15 ธ.ค. กำลังใกล้เข้ามา ในวันศุกร์ (29 พ.ย.) เงินบาทอยู่ที่ 30.22 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ 30.19 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (22 พ.ย.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (2-6 ธ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 30.10-30.40 บาทต่อดอลลาร์ โดยปัจจัยในประเทศที่สำคัญ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย. ของไทย ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญ ประกอบด้วย สถานการณ์ตึงเครียดในฮ่องกง และการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชน ดัชนี ISM ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนพ.ย. ยอดสั่งซื้อสินค้าภาคโรงงาน รายจ่ายด้านการก่อสร้างเดือนต.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นสำหรับเดือนธ.ค. นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนพ.ย. ของสหรัฐ และประเทศชั้นนำอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย

ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงเกือบตลอดสัปดาห์ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,590.59 จุด ลดลง 0.45% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 56,317.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.20% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai ลดลง 0.36% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 318.88 จุด

ตลาดหุ้นไทยมีแรงหนุนเข้ามาช่วงสั้นๆ ต้นสัปดาห์จากความคาดหวังต่อโอกาสในการทำข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐ-จีน อย่างไรก็ดี ดัชนีฯ ร่วงลงในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ตามแรงขายของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ จากการปรับน้ำหนักลงทุนของ MSCI ประกอบกับมีแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน หลังปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามบังคับใช้กฎหมายสิทธิมนุษยชนฮ่องกง นอกจากนี้ ความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยเป็นอีกปัจจัยลบของตลาดในช่วงปลายสัปดาห์ด้วยเช่นกัน

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (2-6 ธ.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,575 และ 1,550 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,605 และ 1,615 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ สถานการณ์การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน รวมถึงการประชุมโอเปก (5-6 ธ.ค.) ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราการว่างงานเดือนพ.ย. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2562 (ครั้งสุดท้าย) ของยูโรโซน รวมถึงดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการเดือนพ.ย. ของยูโรโซนและจีน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน