บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์ (17-21 เม.ย. 2560) เงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 21 เดือนที่ 34.25 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนลดช่วงบวกลงบางส่วน โดยเงินบาทได้รับแรงหนุนในช่วงแรกจากสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับเงินดอลลาร์ฯ ก็เผชิญแรงเทขายจากความกังวลเกี่ยวกับประเด็นการเมืองระหว่างประเทศ และโอกาสที่ลดลงของการปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในเดือนมิ.ย.

อย่างไรก็ดี เงินบาทลดช่วงบวกลงบางส่วนในช่วงต่อมา หลังจากผู้ว่าการ ธปท. ออกมาส่งสัญญาณว่า ธปท. จะยังคงติดตามการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ และมีเครื่องมือหลากหลายรูปแบบในการเข้าไปดูแลความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของตลาด นอกจากนี้ แรงขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ก็เป็นปัจจัยกดดันเงินบาทให้อ่อนค่าด้วยเช่นกัน สำหรับในวันศุกร์ (21 เม.ย.) เงินบาทอยู่ที่ 34.38 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 34.49 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันพุธก่อนหน้า (12 เม.ย.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (24-28 เม.ย.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 34.25-34.55 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยจุดสนใจของตลาดในช่วงต้นสัปดาห์น่าจะอยู่ที่ผลการเลือกตั้งรอบแรกของฝรั่งเศส และรายงานตัวเลขการส่งออกเดือนมี.ค. ของไทย ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย. ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค. ดัชนีราคาบ้านเดือนก.พ. และจีดีพีประจำไตรมาส 1/2560

นอกจากนี้ นักลงทุนอาจรอติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1 ของหลายๆ ประเทศในยูโรโซน รวมถึงผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่นและธนาคารกลางยุโรป

ดัชนีหุ้นไทยลดลง ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,570.02 จุด ลดลง 1.23% จากสัปดาห์ก่อน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 1.56% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 36,497.32 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 582.24 จุด ลดลง 2.14% จากสัปดาห์ก่อน

ดัชนี SET ปรับลดลงต่อเนื่องในช่วงต้น-กลางสัปดาห์ จากความกังวลต่อความตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐฯ ราคาน้ำมันที่ย่อตัวลง หลังสหรัฐฯ เปิดเผยอุปทานการผลิตน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น รวมทั้งผลประกอบการกลุ่มธนาคารที่ออกมาต่ำกว่าคาด ขณะที่ NPLs ยังคงมีสัญญาณปรับขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนมีการขายหุ้นขนาดใหญ่ออกมา อย่างไรก็ดี ดัชนีปรับฟื้นตัวเล็กน้อยในวันศุกร์ จากแรงซื้อหุ้นกลับของนักลงทุน

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (24-28 เม.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,560 และ 1,545 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,585 และ 1,600 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ สถานการณ์การเมืองในฝรั่งเศส มาตรการสกัดการเก็งกำไรในตลาดหุ้นจีน

รวมถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับประเด็นการปฎิรูปภาษีสหรัฐฯ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ข้อมูลการค้า ข้อมูลดัชนีค่าจ้างแรงงาน และจีดีพี ไตรมาส 1/60 (Adv Est.)

ส่วนปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ ผลกำไรภาคอุตสาหกรรมจีน การประชุมธนาคารกลางยุโรป และข้อมูลภาคการผลิตญี่ปุ่น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน