ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มแข็งค่าและเคลื่อนไหวในกรอบ 34.20-34.50 ต่อดอลลาร์ ในขณะที่บรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสดใสขึ้น เทียบกับระดับปิดที่ 34.38 บาทต่อดอลลาร์ในสัปดาห์ที่แล้วซึ่งนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 4.2 พันล้านบาท และซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 2.7 พันล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการซื้อพันธบัตรช่วงอายุเกิน 1 ปี

ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า บรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสดใสขึ้น ขณะที่เงินดอลลาร์และเยนอ่อนค่าเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ หลังผลการเลือกตั้งฝรั่งเศสซึ่งนับคะแนนแล้วกว่า 90% บ่งชี้ว่า นายมาครง ผู้สมัครจากสายกลาง และนางเลอ แปน ผู้สมัครฝ่ายขวาจัด ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบแรกวันที่ 23 เม.ย. ด้วยคะแนนเสียง 23.91% และ 21.42% ตามลำดับ และทั้งคู่จะไปพบกันในรอบสุดท้ายวันที่ 7 พ.ค. เงินยูโรทะยานขึ้นท่ามกลาง Relief Rally ระยะสั้น เนื่องจากตลาดคลายความวิกตที่ว่าฝ่ายขวาจัดและซ้ายจัดซึ่งมีจุดยืนต่อต้านยูโรโซนทั้งคู่อาจเข้าชิงกันเอง สำหรับสัปดาห์นี้ ตลาดมุ่งความสนใจไปที่การประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) รวมถึงแผนปฏิรูประบบภาษีครั้งใหญ่ของรัฐบาลทรัมป์

สำหรับปัจจัยในประเทศ ต้นสัปดาห์นี้กระทรวงพาณิชย์ได้รายงานตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทย โดยยอดส่งออกและนำเข้าเดือนมี.ค. ขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ในอัตราสูงถึง 9.2% และ 19.3% ตามลำดับ สะท้อนแรงส่งของการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งกว่าคาด ทั้งนี้ ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แสดงความเห็นว่า ค่าเงินบาทควรปรับตัวตามกลไกตลาด แต่ทางการอาจจะเข้าดูแล หากเคลื่อนไหวผิดปกติรุนแรง

อย่างไรก็ดี เงินบาทค่อนข้างนิ่งเมื่อเทียบกับสกุลเงินภูมิภาค ทำให้ภาคธุรกิจส่วนใหญ่ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง โดยธปท. เตือนผู้ประกอบการว่าควรมุ่งเน้นกำไรจากการดำเนินงานมากกว่ากำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน เพราะค่าเงินมีแนวโน้มผันผวนมากขึ้น โดยเฉพาะจากปัจจัยเสี่ยงด้านภูมิศาสตร์การเมือง และการดำเนินนโยบายของประเทศเศรษฐกิจชั้นนำ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน