ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยช่วงต้นปีแกว่งตัว Sideway เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุน และยังมีความกังวลในประเด็นข้อพิพาทสหรัฐ-อิหร่านที่อาจจะมีปัญหาขึ้นมาอีกในอนาคต และสงครามการค้าสหรัฐและจีนอาจจะกลับมีความไม่แน่นอนอีกครั้งหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ เปิดเผยว่าอาจรอให้ผ่านการเลือกตั้งประธานาธิบดีปลายปีนี้ก่อนบรรลุดีลเจรจาการค้าเฟสสองกับจีน

ประกอบกับธนาคารโลกเปิดเผยในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (GEP) ว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤตหนี้ทั่วโลกครั้งใหม่ โดยเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์อาจไม่เพียงพอที่จะรับมือกับภาวะล่มสลายทางการเงินที่อาจจะเกิดขึ้นในวงกว้างอีกครั้ง รวมทั้งปัจจัยในประเทศเรื่องปัญหาภัยแล้งปีนี้คาดว่าจะเป็นความเสี่ยงกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 รวมทั้งค่าเงินบาทผันผวนและมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นกดดันการส่งออกและรายได้ของเกษตรกร จึงคาดการณ์การเคลื่อนไหวของกรอบดัชนีที่ระดับ 1,570-1,600 จุด

พร้อมทั้งยังคงต้องจับตาปัจจัยต่างๆ อาทิ ในวันที่ 14 ม.ค. นี้ทางสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค. รวมทั้งการทยอยประกาศตัวเลขผลการดำเนินงานในงวดปี 2562 ของกลุ่มธนาคารในวันที่ 14-21 ม.ค. และวันที่ 15 ม.ค. สหรัฐ-จีน มีกำหนดลงนามข้อตกลงการค้าสหรัฐและจีนเฟสแรก และทางอียูจะมีการเปิดเผยดุลการค้าเดือนพ.ย. และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.

ด้านน.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ คือ การลงนามข้อตกลงการค้าสหรัฐและจีนเฟสแรกในวันที่ 15 ม.ค.นี้ มีเนื้อหาเป็นไปตามที่ได้พูดคุยกันไว้โดยสหรัฐยังคงต้องการให้จีนซื้อสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นและนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ ขณะที่สหรัฐจะระงับการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนและลดภาษีนำเข้าบางส่วน

รวมทั้งการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีหลังผ่านพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และรัฐบาลเดินหน้าออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นการลงทุนและการบริโภคภายในประเทศ ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีจากผลสำรวจของนักวิเคราะห์ที่ยังน่าสนใจ ได้แก่ AOT BBL และ CPF รวมถึงหุ้น Defensive ได้แก่ BEM, PLANB และหุ้น mai เด่นปี 2563 เช่น JUBILE, PSTC TACC และ SKY

ส่วนราคาทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า สำหรับราคาทองคำคาดว่าเคลื่อนไหวในกรอบ 1,540-1,577 ดอลลาร์ หรือ 22,030-22,610 บาทต่อบาททองคำ โดยในสัปดาห์นี้แนะนำให้จับตาความตึงเครียดในตะวันออกกลางหลังอิหร่านยิงเครื่องบินยูเครนตก หากมีความรุนแรงในตะวันออกกลางเพิ่มเติมจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ

ขณะที่อิหร่าน-สหรัฐ คาดว่าจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นหลังประธานาธิบดี “ทรัมป์” ถูกจำกัดสิทธิ์การใช้กำลังทหารกับอิหร่าน อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำถูกกดดันจากกองทุน SPDR ที่เริ่มมีสถานะขาย โดยในสัปดาห์ที่แล้วมีสถานะขายกว่า 20 ตัน เป็นสัญญาณการเปลี่ยนมุมมองการลงทุนในทองคำของกองทุน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน