ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 34.40-34.80 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดอ่อนค่าที่ 34.68 บาทต่อดอลลาร์ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยมูลค่า 3.1 พันล้านบาท แต่ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 9.2 พันล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการซื้อพันธบัตรอายุมากกว่า 1 ปี ขณะที่ดอลลาร์แตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 6 เดือนเมื่อเทียบกับเยน หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยในช่วง 0.75-1.00% ตามคาด

ทั้งนี้ มองว่า ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย. ของสหรัฐออกมาสดใสเกินคาด ซึ่งสอดคล้องกับการที่เฟดเน้นย้ำถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน และถือเป็นสัญญาณว่าเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ในการประชุมเดือนมิ.ย.และธ.ค. โดยเฟด รอดูความชัดเจนว่า รัฐบาลทรัมป์จะสามารถผลักดันนโยบายใดให้ผ่านสภาคองเกรสได้บ้าง หากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้รับการอนุมัติ อาจทำให้เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย

อย่างไรก็ดี แม้ร่างกฎหมายบริการสุขภาพจะผ่านสภาผู้แทนแล้วแต่ต้องเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภา และยังไม่แน่นอนว่าจะได้รับการอนุมัติหรือไม่ เพราะพรรครีพับลิกันครองที่นั่ง 52 ที่จากทั้งหมด 100 ที่นั่งในวุฒิสภา หรือเสียงข้างมากในระดับที่น้อยมาก ทั้งนี้ โอกาสการผ่านนโยบายปฏิรูปภาษี งบลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบ ยังมีความท้าทายอยู่มาก ดังนั้น ปัจจัยบวกที่จะหนุนค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มแผ่วลงในระยะถัดไป

ยูโรเปิดตลาดเอเชียซื้อขายที่ระดับแข็งค่าสุดในรอบ 6 เดือน หลังนายมาครง นักการเมืองสายกลางชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสตามความคาดหมาย ผลการเลือกตั้งนี้ได้ขจัดความเสี่ยงด้านการเมืองของยูโรโซน และธนาคารกลางยุโรปอาจจะเริ่มส่งสัญญาณถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วกว่าคาด ขณะที่ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะจับตาการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ ซึ่งกลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ประเมินว่าจะตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนมิ.ย.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน