สรุปภาวะตลาดหุ้นไทย (SET) วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤษภาคม 2560 ปิดที่ 1,550.27 จุด ปรับตัวลดลง -10.04 จุด คิดเป็น -0.64% จุดสูงสุดอยู่ที่ 1,564.31 จุด จุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,546.81 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 54,342.21 ล้านบาท ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 989.38 จุด ปรับตัวลดลง -4.08 จุด
ดัชนีมีความพยายามดีดกลับขึ้นมาในช่วงเช้าเล็กน้อยแต่ไม่สามารถผ่านขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันได้ จึงมีแรงขายทำกำไรกลับลงมา จนกระทั่งเกิดสัญญาณ New low ในรอบ 2 สัปดาห์ที่ระดับต่ำกว่า 1,553 จุดในช่วงบ่าย ทำให้มีวอลุ่มขายออกมาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่ดัชนีหลุดลงมานอกกรอบ BollingerBottom เรียบร้อย หากวันนี้ดัชนีประคองตัวดีดกลับขึ้นปิดในกรอบดังกล่าวแถวๆ 1,551 จุดไม่ได้เป็นอย่างน้อยอีก มีโอกาสที่ดัชนีจะหลุดลงมาปิด GAP ที่ 1,545 จุดโดยมีแนวรับถัดไปแถวๆ 1,540 จุดต่อไป ในขณะที่แนวต้านกรณีดีดกลับได้จะอยู่แถวๆ 1,559 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
1. CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,916.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +1.00 บาท คิดเป็น +1.57%
2. BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,241.14 ล้านบาท ลดลง -0.60 บาท คิดเป็น -3.24%
3. AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,055.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +0.25 บาท คิดเป็น +0.60%
4. ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,932.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +1.00 บาท คิดเป็น +0.56%
5. SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,914.62 ล้านบาท ลดลง -8.00 บาท คิดเป็น -1.54%
ส่วนตลาดหุ้นโลกดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบ 0.16% หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้ประกาศปลดนายเจมส์ โคมีย์ พ้นจากตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ(FBI) โดยข่าวดังกล่าวส่งผลให้ตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากนายเอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) สาขาบอสตัน ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีนี้ ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดขยับลงเล็กน้อย ในขณะที่นักลงทุนต่างรอดูการเปิดเผยข้อมูลผลประกอบการของบริษัทต่างๆ รวมทั้งการแสดงความเห็นของประธานธนาคารกลางสหรัฐสาขาต่างๆ เพื่อประเมินแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยปีนี้
ด้านดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดปรับตัวลง 0.52% หลังจีนเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญประจำเดือนเม.ย. ขยายตัว 1.2% เทียบรายปี โดยได้รับแรงหนุนจากราคานอกกลุ่มอาหาร ซึ่งขยายตัว 2.4% เทียบรายปี ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดบวก 0.31% เนื่องจากหุ้นกลุ่มส่งออกดีดตัวขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากเงินเยนที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด
