นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KTBST ประเมินตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (5-9 มิ.ย. 2560) ว่า ตลาดจะผันผวนสูง ปริมาณซื้อขายของตลาดลดลงอันเป็นผลมาจากความไม่ชัดเจนในทิศทางตลาด โดยเฉพาะปัจจัยในต่างประเทศ เช่น การเมืองสหรัฐฯ รวมถึงปัจจัยที่ต้องรอคอย อาทิ การเลือกตั้งอังกฤษ ประชุม ECB และประชุม FOMC เป็นต้น ขณะที่ปัจจัยในประเทศก็เป็นได้ทั้งบวกและลบ จากแนวทางปฎิรูปด้านอัตราแลกเปลี่ยน ของ ธปท. รวมถึงการประชุม ครม.วันอังคารนี้ หากรัฐบาลทยอยออกมาตรการหรืออนุมัติการลงทุนใหม่ๆ ออกมา จะเป็นบวกต่อตลาดหุ้น

ทั้งนี้ กลยุทธ์การลงทุน โดยภาพรวมๆ KTBST ยังแนะนำชะลอการลงทุนรอให้การเลือกตั้งอังกฤษ หรือประชุม ECB ผ่านไปก่อน โดยการเข้าลงทุนในช่วงนี้ สินทรัพย์หรือหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำ หุ้น Defensive หรือหุ้นที่ให้ผลตอบแทนด้านเงินปันผลที่สูง ยังคงดูเป็นบวก ขณะที่หุ้นอิงกับภาวะเศรษฐกิจ เช่นกลุ่มธนาคาร ควรรอดูให้ตลาดมีการพลิกตัวหรือมีเงินไหลกลับเข้าตลาดก่อน ดังนั้นในสัปดาห์นี้ ยังแนะนำให้ถือเงินสด 30% เพื่อรอซื้อหุ้น หากเกิดการปรับฐาน

โดยคาดการณ์กรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index สัปดาห์นี้ที่ 1,553-1,580 จุด หากดัชนีฯ ยังไม่ต่ำกว่า 1,566 จุด รูปทรงของตลาดยังไม่เสียหาย ให้ถือต่อได้ ขณะที่หุ้นแนะนำในเชิงกลยุทธ์ได้แก่ : BEM , GLOBAL หุ้น Defensive : CPALL, หุ้น high dividend yield : JASIF, PSH, หุ้นเก็งเข้า SET100 : MEGA , TWPC

สำหรับปัจจัยที่ควรติดตามได้แก่ นโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้ การประกาศจะถอนตัวจากข้อตกลงปารีส สัปดาห์ที่ผ่านมา ตอกย้ำว่า นโยบายที่จะทยอยออกมาคงไม่ได้ง่ายนัก และจะเป็นตัวแปรหนึ่งที่ทำให้ตลาดผันผวนในบางวัน

ส่วนปัจจัยต่อมาคือ โอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในการประชุม 14-15 มิ.ย. ยังไม่แน่นอน ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ สลับบวกสลับลบ การจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาด (+1.38 ; คาด+1.85 แสนตำแหน่ง) แม้โอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ จะขึ้นแตะ 89% (Bloomberg) ก็ตาม แต่หาก Fed เห็นว่ายังมีความเสี่ยงและนโยบายของ Trump ยังไม่กระตุ้นให้เศรษฐกิจให้ร้อนแรง ก็อาจไม่จำเป็นต้องรีบร้อนปรับดอกเบี้ย หรือจำนวนครั้งของการปรับอาจเพียงแค่ 2-3 ครั้งในปีนี้

ขณะเดียวกันในวันที่ 8 มิ.ย. นี้ มีปัจจัยสำคัญคือ การเลือกตั้งของอังกฤษ คะแนนนิยมของพรรคอนุรักษ์นิยม ทิ้งห่างจากพรรคแรงงานเพียง 3% (YouGov) หากพรรคแรงงานชนะ จะเป็นลบต่อตลาด

ส่วนการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ดอกเบี้ยยังไม่น่าปรับขึ้น แต่ให้ดูถ้อยแถลงในเรื่องนโยบาย QE ว่าจะปรับลด QE หรือไม่หลังเดือนธ.ค. 2560 (ล่าสุด วงเงิน 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน) รวมไปถึงปัจจัยเรื่อง ราคาน้ำมันดิบ WTI มี downside risk จากการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และความเสี่ยงของตลาด รวมทั้งความกังวลต่อการถอนตัวจากข้อตกลงปารีส อาจทำให้ราคาน้ำามันดิบร่วงลงไปที่ $45 เหรียญอีกครั้ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน