น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยยังคงแกว่งตัวผันผวน จากแรงกดดันหลักๆ คือ ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุดสหรัฐได้แซงหน้าจีนและอิตาลีขึ้นเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดแล้ว และจากยอดผู้เสียชีวิตสูงขึ้นทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจทุกประเทศทั่วโลก ทั้งนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประเมินความเสียหายล่าสุดว่าผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 อาจรุนแรงกว่าวิกฤตการเงินปี 2551-2552 หรือวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ (ซับไพรม์) และจะเริ่มฟื้นตัวในปี 2564 ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงต่อเนื่องจนหลุดระดับ 21 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่งผลลบเชิงจิตวิทยาต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน จึงคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,050-1,150 จุด

อีกทั้งยังคงต้องจับตาการเคลื่อนไหวต่างๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศถึงการรับมือและการแก้ไขสถานการณ์จากผลกระทบของการแพร่ระบาดไวรัส โควิด-19 โดย ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีการรายงานภาวะเศรษฐกิจไทย เช่นเดียวกับจีนจะมีการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) ภาคการผลิต-ภาคบริการเดือนมี.ค. ส่วนอังกฤษ จะมีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจ หรือจีดีพี ไตรมาส 4/2562 รวมทั้ง สหภาพยุโรป หรือ อียูจะมีการเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนมี.ค. และสหรัฐ เปิดเผยดัชนีราคาบ้าน และความเชื่อมั่นผู้บริโภค

ขณะที่ในวันที่ 1 เม.ย. ประเทศเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ จีน อียู และสหรัฐ จะมีการเปิดเผยดัชนีพีเอ็มไอ และตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมี.ค. การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนก.พ. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ ซึ่งจะเป็นการบ่งชี้ถึงการเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 1/2563 ได้ชัดเจนมากขึ้น

อย่างไรก็ดี ขณะนี้หลายๆ ฝ่ายต่างออกมาช่วยกอบกู้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างเร่งด่วนมากขึ้นพร้อมทั้งการออกมาตรการพยุงเศรษฐกิจ โดยเฉพาะของไทย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน หรือ บลจ.เตรียมเปิดขายกองทุนเงินออมระยะยาว หรือ SSF วงเงินพิเศษ มีกำหนดระยะเวลาลงทุน 3 เดือนระหว่าง 1 เม.ย.-30 มิ.ย. 2563 พร้อมกันวันแรก 1 เม.ย. ส่งเสริมการออมระยะยาวเน้นลงทุนหุ้นไทย และทางนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงคลังพิจารณาแนวทางการออกพ.ร.ก.กู้เงินกว่า 2 แสนล้านบาท นำมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจและเร่งจัดทำมาตรการระยะ 3 หลังประกาศมาตรการระยะ 2 แล้ว ซึ่งหากเม็ดเงินกระตุ้นต่างๆเข้าสู่ระบบได้รวดเร็วก็จะสามารถพยุงเศรษฐกิจได้

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก แนะนำกลยุทธ์การลงทุน ว่า กระจายการลงทุนในการถือเงินสดหรือเงินฝากระยะสั้นในสัดส่วน 75% ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ 10% และอีก 15% เลือกทยอยสะสมหุ้นได้ประโยชน์จากการส่งเสริมการทำงานที่บ้าน อาทิ ADVANC, INTUCH, DTAC, TRUE, JAS, JASIF, DIF, COM7, SIS และ SYNEX รวมทั้งหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก ล็อคดาวน์ กรุงเทพฯ อาทิ MAKRO, BJC, CPALL, TU และ TFM

ส่วนราคาทองคำ คาดว่าปรับตัวขึ้น 128 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ จากแรงหนุนของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ซึ่งรวมถึงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอีกที) ในวงเงินไม่จำกัด และจะเข้าซื้อหุ้นกู้ของภาคเอกชนเป็นครั้งแรก โดยจะซื้อหลักทรัพย์ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในขั้นน่าลงทุน ทั้งในและนอกตลาดรวมทั้งจะเข้าซื้อกองทุน ETFs และเฟดจะเพิ่มวงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์สำหรับโครงการปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจ และโครงการสินเชื่อที่มีสินทรัพย์ค้ำประกันที่มีการใช้ในช่วงที่เกิดวิกฤตทางการเงิน นอกจากนี้กองทุน SPDR กลับเข้ามาซื้อทองคำอีกครั้งเป็นสัปดาห์แรกกว่า 40 ตัน หลังขายติดต่อกัน 2 สัปดาห์ มองกรอบทองคำสัปดาห์นี้ที่ 1,580-1,670 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือคิดเป็นทองคำไทย 24,170-25,690 บาทต่อบาททองคำ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน