น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินว่าภาพรวมของประเทศเริ่มส่งสัญญาณเชิงบวก หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เยียวยาผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยอนุมัติแพ็กเกจ ระยะ 3 เพื่อแก้วิกฤตดัวกล่าว พร้อมโยกงบปี 2563 เติมงบกลาง รวมวงเงินราว 2.7-3 ล้านล้านบาท พร้อมให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออก พ.ร.ก. 2 ฉบับ เพื่อดำเนินโครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการ และดูแลเสถียรภาพภาคการเงิน วงเงินรวม 9 หมื่นล้านบาท ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) ประกอบกับ กระทรวงการคลัง เริ่มทยอยจ่ายเงินมาตรการเยียวยา 5,000 บาท ให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะที่ด้านกระทรวงพาณิชย์ ได้มีการรายงานเงินเฟ้อแผ่วในเดือนมี.ค. 2563 ดัชนี CPI หดตัว 0.54%YoY ส่วน ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ขยายตัว 0.54%YoY ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ฝ่ายวิจัย ประเมินกรอบดัชนีเคลื่อนไหวในช่วงสั้นที่ระดับ 1,160-1,250 จุด

พร้อมกันนี้ ยังแนะจับตาการประชุมโอเปกพลัสเพื่อหารือเรื่องการปรับลดการผลิตครั้งใหม่ และการเปิดเผยผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOME) ที่ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 17-18 มี.ค.ที่ผ่านมา

และสหรัฐรายงานสต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย. และสต๊อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.พ. ซึ่งจะรู้ผลในวันที่ 9 เม.ย.นี้ ส่วนวันที่ 10 เม.ย. จีนจะมีการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค. เช่นเดียวกับสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค. ซึ่งหากตัวเลขออกมาในเชิงบวกคาดว่าจะเป็นตัวหนุนให้ดัชนีฟื้นตัวได้

“ด้านปัจจัยลบที่คาดว่าจะมีผลต่อการลงทุนในระยะสั้น อาทิ การปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันดิบ WTI หลังจากกลุ่มโอเปก และประเทศพันธมิตรตกลงกันไม่ได้ เรื่องการปรับลดการผลิตครั้งใหม่และเลื่อนการประชุมจากเดิม 6 เม.ย. ไปเป็น 9 เม.ย.นี้ รวมทั้งตัวเลขการส่งออกที่ลดลง โดยสภาผู้ส่งออกปรับลดคาดการส่งออกปีนี้ -8% และประเมินว่ามีโอกาสหดตัวถึงสองหลัก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 และมาตรการ lockdown ทั่วโลกและประเทศไทยกระทบระบบ โลจิสติกส์”

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก มองกลยุทธ์การลงทุนในขณะนี้ โดยนำให้ลงทุนโดยอ้างอิงกับหุ้นที่เป็นเป้าหมายของกองทุนรวมเพื่อการออมกองพิเศษ (SSFX) โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนแบบพิเศษซึ่งมีช่วงเวลาที่สามารถซื้อได้ 1 เม.ย.-30 มิ.ย. นี้ เท่านั้น ดังนั้นฝ่ายวิจัย จึงแนะ 20 หุ้นเป้าหมาย SSFX ประกอบด้วย BJC, DTAC, SCC, TOA, ADVANC, BPP, SGP, JAS, RATCH, IRPC, STA, TRUE, CPALL, INTUCH, GULF, CPF, SPALI, TASCO, TTW และ GPSC

ส่วนราคาทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินว่า ราคาทองคำปรับตัวลง 10 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดจากแรงเก็งกำไรเข้ามาอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ส่วนสัปดาห์นี้คาดว่าทองคำจะผันผวนต่อ โดยได้รับแรงหนุนหลักจากกองทุน SPDR ที่กลับเข้ามาซื้อทองคำกว่า 19.9 ตัน ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐทั้งยอดผู้ขอรับสวัสดิการ ยอดจ้างงาน และอัตราว่างงานอ่อนแอ หนุนราคาทองคำเพิ่มเติม โดยปัจจัยหลักที่หนุนทองคำ คือ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ซึ่งรวมถึงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในวงเงินไม่จำกัด มองกรอบทองคำสัปดาห์นี้ที่ 1,630-1,700 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือคิดเป็นทองคำไทย 25,260-26,450 บาทต่อบาททองคำ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน